ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเป็นหนี้ แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ รายได้ที่เคยมีก็หดหาย และภาวะหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงต่อเนื่อง ธปท. เผยไตรมาส 2 ปี 2564 คนไทยมีหนี้ครัวเรือนสูงถึง 14.27 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 89.3% ต่อ GDP ส่งผลให้ความต้องการ “สินเชื่อเงินด่วน” เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
โดยเฉพาะ “สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล” ที่ได้กลายเป็นช่องทางการเงินรูปแบบใหม่ที่มอบความสะดวกสบายและเข้าถึงได้ง่าย และมีแนวโน้มได้รับความนิยมสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยช่วงมิถุนายนที่ผ่านมา มีลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลทั่วประเทศกว่า 2 แสนราย และมียอดปล่อยสินเชื่อกว่า 2 พันล้านบาท สะท้อนถึงความต้องการด้านสินเชื่อออนไลน์และพัฒนาการของนวัตกรรมทางการเงินที่ก้าวล้ำ
เมื่อธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบดิจิทัลเติบโตก้าวกระโดดไปสู่ยุค Cashless Lending เหล่าแก๊งมิจฉาชีพก็ปรับตัวตามเช่นกัน ปัจจุบันมีการล่อลวงออนไลน์มากมายหลายรูปแบบ แต่ที่กำลังระบาดที่มีให้เห็นบ่อยในตอนนี้คือการหลอกให้กู้เงิน ข้อมูลจาก บช.สอท. เผยว่าช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา พบเรื่องร้องเรียนกว่า 700 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท
แก๊งเหล่านี้จะใช้กลวิธีล่อลวงผู้บริโภคในรูปแบบต่างๆ เช่น ส่ง SMS พร้อมแนบลิงก์ปลอมให้คลิก โทร.มาหว่านล้อมและเสนอเงินกู้พร้อมล้วงเอาข้อมูลส่วนบุคคล หรือปลอมแปลงหน้าเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และแอปพลิเคชันให้ดูน่าเชื่อถือ เพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคล และหลอกให้โอนเงินค่าธรรมเนียมหรือชำระดอกเบี้ยเงินกู้ก่อนที่จะได้เงินต้น
พิสูจน์ตัวตนผู้ให้กู้ และเช็กให้มั่นใจว่าใช่จริง
ปัจจุบันเราสามารถเช็กรายชื่อผู้ให้บริการสินเชื่อต่างๆ ที่ได้รับการอนุญาตให้ประกอบกิจการอย่างเป็นทางการได้ที่เว็บไซต์ของ ธปท. ซึ่งรวบรวมรายชื่อบริษัทฯ ที่ให้บริการด้านสินเชื่อไว้อย่างครบครัน เช่น รายชื่อผู้ให้บริการสินเชื่อที่เป็นแบงก์และนอนแบงก์ รายชื่อผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล และรายชื่อผู้ให้บริการระบบ Peer to Peer Lending Platform ซึ่งมีรวมกันกว่า 200 ราย
แต่เห็นแค่ชื่อแล้วยังวางใจเต็มร้อยไม่ได้ เพราะมีมิจฉาชีพที่ใช้วิธีลอกเลียนแบบโลโก้ ไปเปิดเว็บไซต์ หรือห้องแชตต่างๆ เพื่อล่อลวงเช่นกัน ดังนั้น ถ้าอยากให้ชัวร์ เมื่อสนใจบริการควรติดต่อผู้ให้บริการนั้นๆ ผ่านช่องทางที่เป็นทางการเช่นในแอป หรือฝ่ายบริการลูกค้าที่ได้รายละเอียดจาก Official website จะดีที่สุด
มีสติ เห็นอะไรไม่ชอบมาพากล อย่ารีบตัดสินใจ
เปรียบเทียบรายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ ให้ถี่ถ้วน และระวังว่าเวลา “กิเลส” และ “ความจำเป็น” มันมาคู่กันมักจะทำให้ขาดการวิเคราะห์ แยกแยะ จนตกเป็นเหยื่อได้โดยไม่ทันระวัง ดังนั้น หากรู้สึกมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ตั้งแต่การให้โอนเงินก่อนเป็นค่าธรรมเนียมในการขอกู้เงินหรือค่าดอกเบี้ยก่อนได้รับเงินต้น หรือการเสนอดอกเบี้ยที่แพงเกินกฎหมายกำหนด ไปจนถึงการขอเอกสารข้อมูลส่วนตัวที่มากมายเกินความจำเป็น ต้องตั้งสติให้ดี และอย่ารีบตัดสินใจ เพราะเหยื่อหลายคนหลงโอน แต่เมื่อรู้ว่าไม่ได้เงินต้นสักบาทก็สายไปแล้ว และบัญชีที่โอนเงินไปก็ตามตัวไม่ได้ เพราะมิจฉาชีพเหล่านี้มักหลอกให้คนอื่นเปิดบัญชีมาให้อีกทอดหนึ่ง โดยการใช้ค่าตอบแทนล่อเพื่อนำมาใช้ในทางทุจริตและให้สาวถึงตัวไม่ได้
ต้องขอความช่วยเหลือให้เร็ว อย่ารอจนผู้ร้ายลอยนวล
บางคนที่โชคร้ายตกเป็นเหยื่อแก๊งให้กู้เงิน นอกจากจะสูญเสียเงินก้อนแล้วไม่ได้เงินกู้ หรือต้องเสียสุขภาพจิตจากการโดนก่อกวนในรูปแบบต่างๆ ตอนถูกทวงหนี้มหาโหด ดังนั้น เมื่อเรารู้สึกแคลงใจกับเว็บไซต์หรือแอปที่หลอกกู้เงิน ขอให้รีบติดต่อหรือปรึกษากับผู้ให้บริการหรือบริษัทฯ ต้นทางเพื่อสอบถามทันที และเมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอกโดยมิจฉาชีพ ให้รีบแจ้งความตำรวจท้องที่ หรือร้องศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือคลิกดูข้อแนะนำเมื่อถูกมิจฉาชีพล่อลวงให้โอนเงินจากทรูมันนี่
สุดท้ายนี้ ทรูมันนี่ ขอย้ำเตือนให้ผู้ใช้ระมัดระวังผู้แอบอ้างหลอกให้บริการสินเชื่อ โดยใช้ชื่อ ทรูมันนี่ หรือแอสเซนด์ นาโน และขอแจ้งให้ทราบว่า บริษัทฯ ไม่มีนโยบายขอให้ลูกค้าโอนเงินค่าธรรมเนียมใดๆ เพื่อสมัครสินเชื่อทุกประเภท รวมถึงการขอหมายเลขบัญชีธนาคาร หมายเลขบัตรเครดิต หรือรหัส OTP หากลูกค้าท่านใดพบการกระทำดังกล่าวที่แอบอ้างตราสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายการค้า หรือข้อความที่เกี่ยวข้องกับชื่อแบรนด์ TrueMoney โปรดแจ้งได้ที่ Call Center เบอร์ 1240 บริษัทจะดำเนินการตรวจสอบและดำเนินตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป