xs
xsm
sm
md
lg

แคนนอนเปิดตัว Canon EOS R3 ชูจุดเด่นบันทึกภาพเคลื่อนไหวคมชัดสูง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แคนนอน เปิดตัว Canon EOS R3 กล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรม มาพร้อมเซ็นเซอร์ CMOS ใหม่ ความละเอียด 24.1 ล้านพิกเซล และระบบออโต้โฟกัสดวงตา การบันทึกภาพเคลื่อนไหวความคมชัดสูง พร้อมเปิดตัวเลนส์ RF100-400mm f/5.6-8 IS USM และ RF16mm f/2.8 STM เพื่อเพิ่มทางเลือกในการสร้างสรรค์ให้ผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพในระบบ EOS R System

นายอิมาซากะ ไดโดะ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดระดับภูมิภาค กลุ่มผลิตภัณฑ์ ICP แคนนอน สิงคโปร์ กล่าวว่า Canon EOS R3 ถูกพัฒนาเพื่อเป็นกล้องสำหรับช่างภาพมืออาชีพและผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพระดับจริงจังด้วยประสิทธิภาพในการถ่ายภาพด้วยความเร็วสูง การจับภาพวัตถุในที่แสงน้อย ความสามารถในการติดตามและจดจำขั้นสูงสำหรับการถ่ายภาพที่หลากหลาย เช่น การถ่ายภาพกีฬาและสัตว์ป่า

นอกจากนี้ แคนนอนยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เลนส์ RF อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตอบโจทย์ช่างภาพได้มีทางเลือกเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย เลนส์ RF100-400mm f/5.6-8 IS USM และ RF16mm f/2.8 STM ถูกรังสรรค์มาให้มีราคาที่ผู้ใช้เข้าถึงได้และใช้งานได้จริง โดยไม่ลดทอนคุณภาพในการถ่ายภาพ

กล้องรุ่นใหม่นี้มาพร้อมเซ็นเซอร์ Stacked CMOS ใช้การสะท้อนแสงกลับมีความละเอียด 24.1 ล้านพิกเซล ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 20% เมื่อเทียบกับ Canon EOS-1DX Mark III และ Canon EOS R6 นอกจากนี้ ยังมีประสิทธิภาพเหนือกว่า Canon EOS 5D Mark IV ที่มีความละเอียด 30.4 ล้านพิกเซล และด้วยชิปประมวลผลภาพ DIGIC X ที่สามารถประมวลผลภาพด้วยความเร็วสูง ทำให้กล้องรุ่นนี้อัดแน่นด้วยฟีเจอร์อันล้ำสมัยและเป็นกล้องมิเรอร์เลสที่ยอดเยี่ยมที่สุดในตระกูล Canon EOS โดยมีจุดเด่นด้านความรวดเร็วและความแม่นยำในการจับภาพ จึงทำให้บันทึกภาพและวิดีโอออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ชัตเตอร์และแมคคานิกชัตเตอร์ของ Canon EOS R3 ทำให้ถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 30 เฟรมต่อวินาที และ 12 เฟรมต่อวินาที ตามลำดับ พร้อมการติดตามออโต้โฟกัสวัตถุและวัดแสงอัตโนมัติ (AF/AE Tracking) และยังได้รับการออกแบบให้มีความเร็วชัตเตอร์สูงถึง 1/64,000 วินาที เมื่อใช้โหมดอิเล็กทรอนิกส์ชัตเตอร์ ทำให้จับภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง หรือใช้ร่วมกับเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างจะสามารถทำงานในที่สภาพแสดงน้อยได้ดี นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับช่องใส่การ์ดคู่สำหรับการ์ด CFExpress (Type-B) ที่อ่านข้อมูลด้วยความเร็วสูงและเชื่อถือได้ และการ์ด SD (UHS-II) ซึ่งช่วยให้บันทึกข้อมูลภาพได้อย่างรวดเร็ว โดยทำงานควบคู่กับความสามารถในการประมวลผลด้วยความเร็วสูงอย่าไม่น่าเชื่อของชิปประมวลผลภาพ DIGIC X ทำให้เข้าถึงเมนูต่างๆ และเปลี่ยนการตั้งค่าได้ในขณะที่กำลังบันทึกข้อมูลลงในบนการ์ด

Canon EOS R3 นับเป็นกล้องดิจิทัลรุ่นแรกของแคนนอนที่มีฟังก์ชันการควบคุมออโต้โฟกัสดวงตา (Eye Control AF) หลังจากกล้อง Canon EOS 7s เปิดตัวในปี 2004 ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จะทำการเลือกกรอบออโต้โฟกัสโดยการตรวจจับการเคลื่อนไหวของม่านตาขณะถ่ายภาพนิ่ง มาพร้อม LED และเซ็นเซอร์หลายตัวภายในช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EVF) ที่พัฒนาขึ้นใหม่เพื่อทำให้สามารถโฟกัสภาพได้อย่างรวดเร็วเมื่อต้องการเปลี่ยนโฟกัสไปยังวัตถุใหม่โดยไม่จำเป็นต้องกดปุ่มและใช้ปุ่มควบคุม โดยเฉพาะการถ่ายภาพกีฬาแข่งรถและวัตถุที่เคลื่อนที่เร็ว โดยกล้องสามารถโฟกัสที่ดวงตาได้แม้ใบหน้าจะถูกบดบังบางส่วน นอกจากนี้ในระบบออโต้โฟกัสติดตามศีรษะ (Head Detection AF) ยังมีการพัฒนาให้ดีขึ้นเช่นกัน เมื่อนักกีฬาสวมหมวกนิรภัยหรือแว่นตาก็ยังคงสามารถโฟกัสได้อย่างมั่นใจในการถ่ายภาพกีฬาความเร็วสูง

อีกทั้งยังมีการเพิ่มระบบออโต้โฟกัสติดตามยานพาหนะ (Vehicle Priority AF) แบบใหม่ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ช่างภาพมอเตอร์สปอร์ต โดยระบบโฟกัสนี้สามารถตรวจจับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ได้อย่างแม่นยำ ตลอดจนสามารถตรวจจับหมวกกันน็อกของคนขับได้เมื่อเปิดการใช้งานการติดตามเฉพาะจุด อีกหนึ่งคุณสมบัติอันทรงพลังที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างเซ็นเซอร์ใหม่และชิปประมวลผลภาพ DIGIC X คือการติดตามที่แม่นยำมากขึ้น โดยสามารถคำนวณและติดตามออโต้โฟกัสได้สูงสุด 60 เฟรมต่อวินาที ซึ่งถือเป็นความสามารถที่มากกว่า Canon EOS-1DX Mark III และ Canon EOS R5 ถึง 3 เท่า ทำให้ง่ายต่อการติดตามวัตถุที่เลี้ยวและเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วเช่น นักสกีหรือนักกีฬามอเตอร์สปอร์ต และด้วยขีดจำกัดของออโต้โฟกัสในการถ่ายภาพที่แสงน้อยได้ถึง EV-7.5 ทำให้สามารถโฟกัสวัตถุในสภาพแวดล้อมที่มืดสนิทจนสายตามนุษย์ยากที่จะมองเห็น

นอกจากกล้องแล้ว แคนนอนยังได้เปิดตัวเลนส์ใหม่ 2 ตัว คือ RF100-400mm f/5.6-8 IS USM เป็นเลนส์เทเลโฟโต้ที่มีช่วงซูมสูงสุด 400 มม. มาพร้อมความกะทัดรัดของกระบอกเลนส์ที่มีความยาวน้อยกว่า 170 มม. ทำให้ผู้ใช้สามารถพกพาได้สะดวก ด้วยน้ำหนักประมาณ 635 กรัม ซึ่งเบากว่า RF24-105mm f/4L IS USM อีกทั้งยังมีขนาดใกล้เคียงกับ EF70-300mm f/4.5-5.6 IS II USM แต่มีทางยาวโฟกัสช่วงเทเลโฟโต้มากกว่าถึง 100 มม. มาพร้อมมอเตอร์ Nano USM ทำให้ RF100-400mm f/5.6-8 IS USM สามารถโฟกัสได้อย่างรวดเร็วและราบรื่นตลอดช่วงการซูม ไม่ว่าจะเป็นการภาพนิ่งหรือวิดีโอ ซึ่งถือเป็นเลนส์เริ่มต้นอันยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่สนใจในการถ่ายภาพนกและสัตว์ป่า

และเลนส์ RF16mm f/2.8 STM ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพโดยการปรับมุมมองเพื่อถ่ายภาพวัตถุที่อยู่ใกล้ให้ดูใหญ่ขึ้นหรือให้เล็กลงเหมือนเทียบกับวัตถุที่อยู่ห่างไกลได้เช่นกัน จากเอฟเฟกต์การบิดเบือนของเลนส์มุมกว้างพิเศษเมื่อเราเข้าใกล้วัตถุมากขึ้น (เช่น สัตว์และเด็ก) จะทำให้ภาพที่ได้ดูแปลกตา โดยเลนส์มุมกว้างพิเศษ RF16mm f/2.8 STMยังครอบคลุมมุมมองภาพแนวทแยง 110 องศา ทำให้สะดวกต่อการถ่ายเซลฟี่ที่ต้องการเก็บภาพคนจำนวนมาก การถ่ายวิดีโอสำหรับใช้ในโซเชียลมีเดีย และถ่ายภาพในที่แคบ นอกจากนี้ ความกว้างของรูรับแสงที่ f2.8 ไม่เพียงแค่สร้างโบเก้ที่สวยงาม แต่ยังเป็นเลนส์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการถ่ายภาพดาราศาสตร์ได้เช่นกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น