อาร์ทีบี เทคโนโลยี (RTB) บุกตลาดหูฟังไร้สายราคาเข้าถึงได้ Jabra Elite 2 และ Jabra Elite 3 ที่มีการปรับดีไซน์ใหม่ ออกแบบให้สวมใส่ได้สบายกว่าเดิม ในราคาเริ่มต้น 2,290 บาท นอกจากนี้ ยังเตรียมนำ Jabra Elite 7 Pro และ Elite 7 Active ที่เป็นรุ่นท็อปมาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนทำตลาดเพิ่มเติมช่วงปลายปีนี้
โดยรุ่นเริ่มต้น Jabra Elite 2 และ Jabra Elite 3 จะเป็นหูฟัง True Wireless ที่ออกแบบให้สวมใส่ได้สบาย เข้ากับสรีระของใบหู ด้วยลำโพงขนาด 6 มิลลิเมตร โดยในรุ่น Elite 2 จะมีไมโครโฟนรับเสียง 2 ตัว และ Elite 3 จะมีไมโครโฟนรับเสียง 4 ตัว เพื่อให้ใช้ในการประชุม หรือสนทนาได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังออกแบบมาให้ป้องกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP55 แบตเตอรี่รองรับการใช้งานได้ 21 ชั่วโมง และ 28 ชั่วโมงตามลำดับ รองรับชาร์จเร็ว 10 นาที สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องอีก 1 ชั่วโมง Jabra Elite 2 มีให้เลือก 2 สี คือ NAVY และ Dark Grey วางจำหน่ายในราคา 2,290 บาท ส่วน Jabra Elite 3 มีให้เลือก 4 สี คือ NAVY / LILAC / Light Beige / Drey วางจำหน่ายในราคา 2,990 บาท
ขณะเดียวกัน Jabra ยังได้มีการเปิดตัวหูฟังไร้สายระดับสูงอย่าง Jabra Elite 7 Pro ที่มีการปรับปรุงให้ขนาดเล็กลงกว่ารุ่นก่อน 16% เพิ่มเทคโนโลยีรับเสียงแบบมัลติเซ็นเซอร์ ทำงานร่วมกับการตรวจจับการสั่นของกราม ทำให้นอกจากได้เสียงที่แม่นยำ และยังชัดเจนมากขึ้นด้วย
พร้อมกันนี้ ยังมาพร้อมกับการเชื่อมต่อบลูทูธ 5.2 ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อทั้งสมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้งานได้อย่างไร้รอยต่อ Jabra Elite 7 Pro สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 9 ชั่วโมง เมื่อรวมกับเคสชาร์จจะได้งานได้ทั้งหมด 35 ชั่วโมง วางจำหน่ายในช่วงเดือนตุลาคม ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 199 เหรียญ (ประมาณ 6,400 บาท)
รวมถึง Jabra Elite 75t Active เป็นรุ่นที่ปรับปรุงให้เหมาะกับการใช้งานเวลาออกกำลังกายมากขึ้น ด้วยการเคลื่อบสาร ‘ShakeGrip’ มาช่วยให้หูฟังไม่หลุดแม้ว่าจะเปียกเหงื่อจากการออกกำลังกาย วางจำหน่ายในราคา 179 เหรียญ (ราว 5,800 บาท)
