เทศบาลกะรน พร้อมสนับสนุนการเปิดประเทศ 120 วัน ผนึกบริษัท เค.ดับบลิว.พลาซ่า จำกัด ในเครือเดอะบีช กรุ๊ปและบริษัท ยูไนเต็ด เทคโนโลยี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (ยูทีอี) ในกลุ่มบริษัทเบญจจินดา ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือสร้าง “โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและการสื่อสารโทรคมนาคมเสาอัจฉริยะ Lucky Pole ยกระดับพื้นที่เศรษฐกิจกะรน” ภูเก็ต เป็นต้นแบบเมืองสมาร์ท ซิตี้อย่างเต็มรูปแบบ
เรือเอกเจด็จ วิชรศรณ์ นายกเทศมนตรีตำบลกะรน จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เทศบาลกะรน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือสร้าง “โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและการสื่อสารโทรคมนาคมเสาอัจฉริยะ Lucky Pole” ร่วมกับเดอะบีชกรุ๊ป และบริษัท ยูไนเต็ด เทคโนโลยี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (ยูทีอี) เนื่องจากมีแผนเตรียมการพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองให้มีความเติบโตในฐานะเมืองที่มีความพร้อมเป็นเมืองเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายยกระดับไปสู่การเป็นเมือง Smart City อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมสนับสนุนการเปิดประเทศใน 120 วันด้วยเช่นกัน
โดยเทศบาลตำบลกะรน เตรียมการพัฒนาพื้นที่ในเขตเทศบาลตำบลกะรนให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ โดยต้องการให้เกิดการบูรณาการของข้อมูล และเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนบริการต่างๆ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาของส่วนรวม รวมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีน่าอยู่ยิ่งขึ้น และอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน มุ่งหวังผลก่อให้เกิดผลผลิตมากขึ้น
“ผมมองเรื่องการพัฒนาเมืองตำบลกะรน ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น ด้วยความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เศรษฐกิจของเมืองซึ่งอิงกับการท่องเที่ยวเป็นหลัก ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่น การท่องเที่ยว รถให้บริการสาธารณะ อาหารทะเล ตลอดจนทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี เมืองมีภูมิทัศน์ที่สวยงามขึ้น จึงได้มีแนวคิดที่จะยกระดับตำบลกะรน ให้เป็นต้นแบบของ Smart City ด้วยการดำเนินการต่างๆ เช่น การวางโครงสร้างพื้นฐานสื่อสารโทรคมนาคม เสาอัจฉริยะ (Lucky Pole) การจัดระเบียบสายไฟฟ้า และสายสื่อสารลงดิน การติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ อุปกรณ์ Internet of Things (IoT) และระบบการควบคุมเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) เพื่อให้มีการจัดการแบบรวมศูนย์ในพื้นที่โครงการเมืองอัจฉริยะมาใช้ในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลกะรน จังหวัดภูเก็ตจึงได้ลงนาม MOU โครงการ Smart City นี้ขึ้นระหว่างเทศบาลกะรน บริษัท ยูทีอี และเดอะบีช กรุ๊ป”
นายธนาพันธ์ ตันติสัตยกุล กรรมการผู้จัดการร่วม บริษัท ยูไนเต็ด เทคโนโลยี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (ยูทีอี) กล่าวว่า บทบาทของยูทีอี ในโครงการฯ นี้จะเป็นหน่วยงานหลักในการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ที่เรียกว่าเสาอัจฉริยะ Lucky Pole พร้อมระบบบริหารจัดการ หรือเรียกว่า Smart City Platform (Maxicity) เพื่อตอบสนองการเติบโตทางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของเมืองภูเก็ต ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านสื่อดิจิทัลได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ ยูทีอีได้ให้ความสำคัญต่อเรื่องความปลอดภัยผ่านระบบ CCTV และปุ่มช่วยเหลือฉุกเฉินที่ติดตั้งบนเสาอัจฉริยะทุกต้น ดังนั้น นอกจากข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้งานของเมือง และนักท่องเที่ยวแล้ว ยูทีอีได้พัฒนาและออกแบบเสาอัจฉริยะ Lucky Pole ให้มีจุดเด่นเรื่องโครงสร้างมีความมั่นคงและเข็งแรง ขณะเดียวกัน มีการออกแบบรูปลักษณ์โดดเด่น ทันสมัย
สำหรับเสาอัจฉริยะ Lucky Pole บริษัทได้ลงทุนร่วมกับเอกชนโดยการนำร่องติดตั้งเสาดังกล่าว จำนวน 3 แห่ง ในย่านชุมชน ตลาด และการท่องเที่ยว จากนั้นจะหารือร่วมกับเทศบาลอีกครั้งว่าจะติดตั้งเพิ่มเติมในพื้นที่ใดบ้าง ซึ่งภาพรวมของ จ.ภูเก็ตนั้น บริษัทมีแผนในการวางระบบเสาอัจฉริยะ Lucky Pole เฟสแรก คือ ที่กะรน เฟสที่ 2 อ.กะทู้ โดยทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.)
“การดำเนินโครงการนี้เรามุ่งเน้นให้เกิดการทำ Infrastructure Sharing หรือการใช้ประโยชน์สูงสุดในทุกมิติจากเสาอัจฉริยะ Lucky Pole เพื่อลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนของ บริษัทสตาร์ท อัปที่จะเข้ามาพัฒนาเมือง และนำข้อมูลที่ได้รับจากโครงการนี้ไปใช้ในการวิเคราะห์เพื่อวางแผนในการแก้ไข ตลอดจนพัฒนาเมืองได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพต่อไป ซึ่งจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนพฤศจิกายน 2564” นายธนาพันธ์ กล่าว
เสาอัจฉริยะ Lucky Pole สามารถติดตั้งในพื้นที่ที่มีความพร้อมและต้องการโซลูชันอัจฉริยะ เช่น ป้ายรถเมล์ ทางเท้าสวนสาธารณะ หรือตลาดสด ซึ่งระบบสามารถมีป้ายอัจฉริยะเพื่อบอกตารางเดินรถ มีฟรีไวไฟ มีกล้อง CCTV เพื่อดูแลความปลอดภัยคนในพื้นที่ มีปุ่มกดฉุกเฉินสำหรับติดต่อไปยังหน่วยงานให้การช่วยเหลือแบบ 24x7 มีไฟ LED ปรับแสงให้เหมาะสมกับสถานที่ได้ โดยบริษัทสามารถวิเคราะห์ข้อมูล และประมวลผลจากทีมดูแลระบบหลังบ้านของบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมมาก่อน ดังนั้น บริษัทหวังว่าระบบของบริษัทจะช่วยให้โครงการภูเก็ต แซนบ็อกซ์ ประสบความสำเร็จ ทั้งในเรื่องของการกระตุ้นการท่องเที่ยว สามารถบริหารจัดการพื้นที่ภายใต้ความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายก้าน ประชุมพรรณ์ ประธานกรรมการในเครือเดอะบีช กรุ๊ป กล่าวว่า ได้ลงนามในนาม K.W.PLAZA ในเครือเดอะบีช กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีความมุ่งหวังในความร่วมมือครั้งนี้เพื่อพัฒนาพื้นที่ในเทศบาลตำบลกะรน ให้เป็นเมืองที่มีความพร้อม เป็นเมืองที่มีความเจริญก้าวหน้าด้านการท่องเที่ยวในระดับโลก สำหรับบทบาทความร่วมมือของเดอะบีช กรุ๊ป ในครั้งจะดำเนินการด้านพัฒนาสถานที่รองรับการท่องเที่ยว โดยสร้างอาคารที่พักรองรับนักท่องเที่ยว ตลอดจนร้านค้าปลีก ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ เป็นการส่งเสริมให้เกิดรายได้หมุนเวียนของประชาชน ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนพัฒนาเมืองของเทศบาลตำบลกะรน ในโครงการส่งเสริมการเป็นเมืองอัจฉริยะ
“ในฐานะภาคเอกชนในพื้นที่กะรน ผมพร้อมตอบรับนโยบายการพัฒนาเมืองให้มีความเติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ ควบคู่กับการรองรับนักท่องเที่ยวของเราในอนาคต”