ทรู 5G ผนึกมิตซูบิชิ อีเล็คทริค และเลิศวิลัย พัฒนาระบบโรงงานอัตโนมัติ e-F@ctory ไร้มนุษย์ 100% เชื่อมต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์ในโรงงาน รับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอัจฉริยะของ ทรู 5G วิเคราะห์ ควบคุม และตรวจสอบระบบได้เรียลไทม์ ผสานการทำงานของหุ่นยนต์เคลื่อนที่ในสายการผลิต (Autonomous Mobile Robotic) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ลดต้นทุนธุรกิจตลอดห่วงโซ่การผลิต พร้อมส่งมอบโซลูชันให้ภาคอุตสาหกรรมใช้งานได้จริง
นายพิรุณ ไพรีพ่ายฤทธิ์ หัวหน้าคณะทำงานและกรรมการยุทธศาสตร์ 5G บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อร่วมยกระดับอุตสาหกรรม 4.0 สอดคล้องกับแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ ทรู 5G จึงร่วมมือกับมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ที่มีความเชี่ยวชาญในระบบโรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) และเลิศวิลัย ผู้นำด้านการพัฒนาและออกแบบระบบหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ร่วมสร้างต้นแบบ 5G Smart Factory อัตโนมัติเต็มรูปแบบภายในพื้นที่ EEC เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่ติดตั้งแบบ Private Network มีความเร็ว ความเสถียรและความปลอดภัยของข้อมูลสูง ร่วมทดสอบและพัฒนาโซลูชันสายการผลิตอัตโนมัติ
โดยเชื่อมต่อ สั่งงาน และควบคุมเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งหุ่นยนต์เคลื่อนที่ในสายการผลิต (AMR) ภายในโรงงานแบบอัตโนมัติอย่างไร้รอยต่อผ่านเครือข่ายทรู 5G เพิ่มประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลแบบไร้สายได้แบบเรียลไทม์ ทั้งยังสามารถรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ได้จำนวนมาก พร้อมเทคโนโลยี AR เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการตรวจสอบระบบโรงงานตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิตได้ทุกที่ทุกเวลาบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีจัดเก็บ วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ในการบริหารจัดการโรงงานและช่วยลดต้นทุนธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นการบูรณาการสายการผลิตและเทคโนโลยีสื่อสารดิจิทัลล้ำสมัยอย่างลงตัว พลิกโฉมสายการผลิตอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ และสามารถนำไปใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ
นายวิเชียร งามสุขเกษมศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค แฟคทอรี่ ออโตเมชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มิตซูบิชิ อีเล็คทริค แฟคทอรี่ ออโตเมชั่น เป็นผู้ผลิต จำหน่าย และให้คำปรึกษา ฝึกอบรม เกี่ยวกับระบบออโตเมชันแบบครบวงจร ปัจจุบันมีพันธมิตรที่ช่วยพัฒนาโซลูชันแล้วกว่า 900 บริษัท และมีการนำไปใช้งานจริงแล้วมากกว่า 10,000 โซลูชันทั่วโลก สำหรับประเทศไทย ซึ่งเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ มากมายแต่ยังใช้คนในกระบวนการผลิตอยู่เป็นจำนวนมากนั้น
มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ได้นำ “e-F@ctory” เข้ามาให้บริการนานกว่า 5 ปี ด้วยความมุ่งหมายที่จะขยายความรู้ด้านออโตเมชันให้บุคลากรในประเทศไทย (Technology Transfer) และผลักดันให้มีการใช้ระบบออโตเมชันช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ จึงร่วมมือกับ EEC ริเริ่ม EEC Automation Park พื้นที่พัฒนานวัตกรรมและบุคลากรด้านออโตเมชัน ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม สอดคล้องกับนโยบายของ EEC ที่ต้องการพัฒนาประเทศโดยการสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทั้งนำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีออโตเมชัน ช่วยพัฒนาบุคลากรไทย ไม่ว่าจะเป็นการ Up-Skill หรือ Re-Skill ตลอดจนสร้างเครือข่ายการศึกษา
การร่วมทำงานกับ EEC-HDC นำเทคโนโลยีและโซลูชันที่ร่วมมือกับพันธมิตรมาช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีและสามารถนำไปประยุกต์ใช้จริง เพื่อเพิ่มศักยภาพ ลดต้นทุนการผลิต ตลอดจนพัฒนาบุคลากรและภาคอุตสาหกรรมการผลิตไปพร้อมๆ กัน ซึ่งเทคโนโลยี 5G เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีความสำคัญที่จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้อุตสาหกรรมไทยในยุค 4.0
มิตซูบิชิ อีเล็คทริค จึงได้ร่วมกับทรู 5G และ เลิศวิลัย พัฒนาโซลูชันสายการผลิตอัตโนมัติ ที่มีการนำเทคโนโลยี 5G มาใช้งานจริง โดยจัดแสดงที่ EEC Automation Park จำลองกระบวนการผลิตแบบไร้มนุษย์ 100% เพื่อให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาเรียนรู้และศึกษาเป็นต้นแบบในการพัฒนาการผลิตต่อไป
สำหรับโรงงานต้นแบบใช้เวลาในการสร้างปีครึ่ง เพื่อให้ทั้งโรงงานใหม่และเก่าของคนไทยโดยเฉพาะเอสเอ็มอีใช้เป็นต้นแบบในการปรับตัวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งการลงทุนเบื้องต้นสามารถทำได้ในงบประมาณไม่เกินแสนบาท ขึ้นอยู่กับความต้องการโซลูชันการทำงานของแต่ละโรงงาน ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 ยิ่งทำให้อุตสาหกรรมต้องเร่งปรับตัวใช้เทคโนโลยีมาทำงานช่วยคนซึ่งเห็นได้ชัดว่าโควิด-19,สร้างผลกระทบต่อแรงงาน และทำให้ธุรกิจสะดุดได้
นายประพิณ อภินรเศรษฐ์ กรรมการบริหาร บริษัท เลิศวิลัย แอนด์ ซันส์ จำกัด กล่าวว่า จากความสำเร็จของการนำ 5G ไปใช้ทำงานร่วมกับหุ่นยนต์เคลื่อนที่ในสายการผลิต AMR (Autonomous Mobile Robot) ทำให้ AMR เสมือนมีสมองเชื่อมต่อกับระบบควบคุม สามารถทำงานได้อย่างเสถียรต่อเนื่อง เคลื่อนที่ หลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างคล่องตัว แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของการนำ 5G ไปใช้งานได้จริงกับวงการอุตสาหกรรม เพราะ 5G เป็นการเชื่อมต่อไร้สาย (Wireless connectivity) ที่มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสมกับการใช้งาน Use case ที่ต้องการการเคลื่อนที่ เช่น กรณีที่ต้องมีการลากสาย เพื่อทำการเชื่อมต่อ ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง หรือพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมกับการใช้เทคโนโลยีแบบมีสาย เป็นพื้นที่ Outdoor พื้นที่ที่ต้องการหลีกเลี่ยงความร้อน หรือป้องกันการระเบิด อีกทั้งยังตัดปัญหาเรื่องสัญญาณการรบกวนได้ด้วย
“เราพร้อมที่จะพัฒนาและต่อยอดจากโรงงานอัจฉริยะ หรือ Smart Factory ไปสู่การทดลองใช้งานจริงของ Smart City ในพื้นที่ EEC เพื่อที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาประเทศไทยต่อไป”