“ชัยวุฒิ” รมว.ดีอีเอส ร่วม ผบช.สอท. เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อแชร์ข่าวปลอม รัฐบาลเรียกเก็บภาษีวัคซีนโมเดอร์นา ประสานตำรวจเตรียมดำเนินคดีมือโพสต์ และผู้ร่วมขบวนการกว่า 10 ราย หลังตรวจสอบชัดเจนพบมีเจตนาดิสเครดิตกระบวนการจัดซื้อวัคซีนของรัฐบาล เกิดความเสียหายต่อการแก้ปัญหาแพร่ระบาดโควิด-19
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้ร่วมแถลงข่าวกับ พล.ต.ท. กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เตรียมดำเนินคดีถึงที่สุดกับ ดร.ลอย ชุนพงษ์ทอง รวมทั้งผู้ร่วมขบวนการเผยแพร่ข่าวปลอมผ่านคลิปวิดีโอว่า รัฐบาลเก็บภาษีวัคซีนโมเดอร์นา 100%
"ตามที่มีการการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่เสนอข้อมูลว่า รัฐบาลเรียกเก็บภาษีวัคซีนโมเดอร์นา รวมแล้วสูงกว่า 100% ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ กรมศุลกากร กลุ่มสารนิเทศการคลัง และกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ"
โดยจากการตรวจสอบพบว่า มีการทำกันเป็นขบวนการโดยผู้โพสต์ต้นทางคือ ดร.ลอย และมีผู้ร่วมขบวนการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ/บิดเบือนนี้อีกกว่า 10 ราย เพื่อหวังผลดิสเครดิตกระบวนการจัดซื้อวัคซีนของรัฐบาล ทำให้ประชาชนตื่นตระหนก เกิดความเสียหายต่อกระบวนการแก้ปัญหาแพร่ระบาดโควิด
“เมื่อตรวจสอบแล้วว่าเป็นข่าวปลอมชัดเจน ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งทางกระทรวงดีอีเอส ได้ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักงานสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) โดยจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดกับขบวนการเผยแพร่ข่าวปลอมข้างต้น ทั้งในส่วนของผู้โพสต์และผู้แชร์”
นายชัยวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการประสานงานไปยังกรมศุลกากร กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบและชี้แจงว่า ไม่มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าวัคซีนทุกประเภทอตามที่มีกระแสข่าวตามสื่อสังคมออนไลน์ โดยปัจจุบันการนำเข้าวัคซีนและอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ ได้รับการยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าให้เหลือ 0% ทั้งหมดอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ครม.ได้มติเห็นชอบให้ขยายเวลายกเว้นอากรศุลกากร สำหรับของที่นำเข้ามาใช้ในการรักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามรายการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องเสียอากรนำเข้า จนถึงเดือนมีนาคม 2565
อีกทั้ง กรมสรรพากร ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตามมาตรา81 (1)(ญ) แห่งประมวลรัษฎากร การให้บริการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนั้นโรงพยาบาลเอกชน จึงได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม และจะไม่สามารถเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากวัคซีนทางเลือก ที่ให้บริการแก่ประชาชนได้
ขณะที่ ล่าสุดองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้ออกแถลงการณ์กรณีถูกกล่าวหาบวกกำไรหรือภาษีวัคซีนทางเลือก "โมเดอร์นา" เข้าไปในราคาขาย โดยระบุว่า การกำหนดราคาขายวัคซีนโมเดอร์นา ให้กับโรงพยาบาลเอกชน ที่ราคา 1,100 บาทต่อโดสนั้น เป็นราคาที่มาจากราคาวัคซีนที่ อภ. ได้รับจากบริษัทซิลลิค ฟาร์มา ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายของผู้ผลิตโดยตรง รวมกับภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รวมกับค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ อาทิ ค่าเก็บรักษา ค่าขนส่ง ค่าประกันภัยรายบุคคล เพื่อให้ความคุ้มครองกับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา กรณีที่อาจมีอาการไม่พึงประสงค์
“ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลข่าวปลอมที่อ้างว่า รัฐบาลเรียกเก็บภาษีวัคซีนโมเดอร์นา รวมแล้วสูงกว่า 100% ทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำให้วัคซีนทางเลือกมีราคาแพง และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เพราะจะสร้างความตื่นตระหนก และความเสียหายต่อส่วนรวม”
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามและแจ้งเบาะแสข่าวปลอม ได้ผ่านช่องทางต่างๆ ของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ดังนี้ ไลน์ @antifakenewscenter เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com/ ทวิตเตอร์ https://twitter.com/AFNCThailand และสายด่วน : ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน 1111 ต่อ 87