TikTok ตอกย้ำชุมชนออนไลน์ที่ปลอดภัย และสร้างสรรค์ผ่านฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย พร้อมอัปเดตแนวทางปฏิบัติสำหรับชุมชน (Community Guideline) บนแพลตฟอร์มให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้แพลตฟอร์มของผู้คนในสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถใช้เวลาบน TikTok ด้วยความมั่นใจและปลอดภัย
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยว่า การใช้เวลาบนออนไลน์ที่มากเกินไปจะส่งผลกระทบในหลายด้าน ทั้งปัญหาทางการเรียน การทำงาน ที่ส่งผลให้ขาดความสามารถในการจดจ่อในสิ่งที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ รวมถึงปัญหาด้านความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และปัญหาทางด้านร่างกายและจิตใจ ที่สามารถส่งผลกระทบทางร่างกายทั้งอาการเมื่อยล้า สมาธิสั้น และภาวะเครียดสะสม
งานวิจัยนี้จึงทำให้มองเห็นความสำคัญกับพฤติกรรมการใช้งานออนไลน์ที่มากเกินไปของคนไทยในปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากผลสำรวจของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ได้เปิดเผยว่า ในปี 2563 คนไทยใช้เวลาบนอินเทอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้นถึง 11.23 ชั่วโมงต่อวัน จากระยะเวลาที่คนไทยใช้งานอินเทอร์เน็ตต่อวันในปี 2562 ที่ใช้เวลาเฉลี่ยที่ 10.22 ชั่วโมงต่อวัน รวมถึงการใช้เวลาบนโมบายอินเทอร์เน็ตสูงติดอันดับ 3 ของโลกเฉลี่ย 5.07 ชั่วโมงต่อวัน
โดยพบว่ากลุ่ม GEN Y (อายุ 20-39 ปี) มีการใช้อินเทอร์เน็ตสูงสุดถึง 12.26 ชั่วโมง รองลงมา คือ GEN Z (อายุน้อยกว่า 20 ปี) ที่มีการใช้สูงถึง 12.08 ชั่วโมง โดยมีเหตุผลสำคัญมาจากการสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่มีมาตรการปิดสถานศึกษาโดยให้ทำการเรียนการสอนแบบออนไลน์ และสถานที่ทำงานส่วนใหญ่มีนโยบายการทำงานแบบ Work From Home ทำให้กลุ่ม GEN Y และ GEN Z ต้องเปลี่ยนรูปแบบการเรียนและการทำงานมาเป็นแบบออนไลน์มากขึ้น จากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากใช้เวลาอยู่บนออนไลน์แบบไม่สมดุล และกำลังเผชิญกับผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ
ด้วยเหตุนี้ TikTok ได้อัปเดตแนวทางปฏิบัติสำหรับชุมชน (Community Guideline) ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในยุคปัจจุบัน ควบคู่กับการกำหนดหลักจรรยาบรรณบนแพลตฟอร์มอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงบรรทัดฐานทางวัฒนธรรมและกฎระเบียบในแต่ละประเทศ ซึ่งแนวทางการยกระดับความปลอดภัยบนแพลตฟอร์ม TikTok ได้ทำอย่างเคร่งครัดผ่าน 4Ps ได้แก่ Policy (นโยบาย) Product (ผลิตภัณฑ์) People (บุคลากร) และ Partners (พันธมิตร) เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้แพลตฟอร์มโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้ผู้ใช้ทุกคนรู้สึกไว้วางใจและมั่นใจในทุกการใช้แพลตฟอร์ม ผ่านเครื่องมือการตั้งค่าความปลอดภัยต่างๆ ดังนี้
การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว (Privacy Setting)
บัญชีผู้ใช้ TikTok จะได้รับการตั้งค่าเริ่มต้นโดยอัตโนมัติให้เป็นสาธารณะ (Public) แต่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าให้เป็นบัญชีส่วนตัวได้ ผ่านหน้าการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย โดยบัญชีส่วนตัวสามารถอนุมัติหรือปฏิเสธคำขอติดตามจากผู้ใดก็ได้ และจะมีเพียงผู้ใช้ที่ได้รับการอนุญาตให้เป็นผู้ติดตามเท่านั้นที่จะเห็นคอนเทนต์ นอกจากนี้การลบผู้ติดตามออกจากบัญชีหรือบล็อกผู้ใช้คนอื่นๆ จะทำให้พวกเขาไม่สามารถสื่อสารโต้ตอบหรือดูคอนเทนต์ได้ ขณะที่ผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี จะได้รับการตั้งค่าเริ่มต้นอัตโนมัติเป็นสถานะส่วนตัว (Private)
การจำกัดคอนเทนต์ที่มองเห็น (Restricted Mode)
การเลือก Restricted Mode หรือการจำกัดเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมเป็นตัวเลือกที่จะช่วยจำกัดการแสดงเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมสำหรับผู้ชมทุกเพศทุกวัย โดยสามารถปรับเปลี่ยนการตั้งค่าการจำกัดเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมได้ตลอดเวลา
การตั้งค่าการส่งข้อความ (Direct Message)
การส่งข้อความเป็นวิธีแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์กับผู้ใช้รายอื่นได้เป็นอย่างดี แต่ใน TikTok สามารถกำหนดให้มีเพียงผู้ติดตามแอ็กเคานต์ส่งข้อความถึงได้ หรือปิดการส่งข้อความทั้งหมด โดยเข้าไปตั้งค่าความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ TikTok ยกระดับความปลอดภัยอีกขั้นด้วยการปิดการรับส่งข้อความสำหรับผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี
การจำกัดการดูเอ็ท (Duet)
ดูเอ็ทเป็นอีกหนึ่งวิธีในการสร้างสรรค์วิดีโอร่วมกับครีเอเตอร์รายอื่นได้อย่างสนุกสนาน แต่ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าใครสามารถดูเอ็ทหรือรีแอ็ก (React) กับวิดีโอของตนได้ โดยกำหนดการตั้งค่า (Preferences) ในบัญชีผู้ใช้ หรือเลือกที่จะเปิดหรือปิดดูเอ็ทสำหรับวิดีโอบางรายการก็ได้
การจำกัดเวลาการใช้แพลตฟอร์ม (Screen Time Management)
การกำหนดขีดจำกัดเวลาการรับชมบนแพลตฟอร์มจะช่วยควบคุมเวลาการใช้แพลตฟอร์มในแต่ละวันได้ ซึ่งฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของสุขภาวะดิจิทัล (Digital Wellbeing) สามารถตั้งค่าได้ผ่านรหัสผ่านและสามารถกำหนดเวลาได้หลายช่วง ได้แก่ 40 นาที 60 นาที 90 นาที และ 120 นาที
การรับทราบข้อมูลที่เป็นจริง (Know the Facts)
ฟีเจอร์ที่ผู้ใช้จะเห็นแบนเนอร์แจ้งเตือนปรากฏอยู่บนคอนเทนต์วิดีโอในกรณีที่วิดีโอนั้นยังไม่ได้รับการยืนยันว่าได้รับการตรวจสอบความถูกต้องแล้ว โดยข้อความปรากฏขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้ได้ฉุกคิดและพิจารณาอีกครั้งว่าจะเลือก “ยกเลิกการแชร์” หรือ “แชร์ต่อไป”
การกรองความคิดเห็น (Filter All Comments)
ฟีเจอร์สำหรับผู้ใช้ที่จะสามารถตัดสินหรือเลือกได้เองว่าจะให้คอมเมนต์ใดปรากฏอยู่ใต้วิดีโอ หากเปิดใช้ฟีเจอร์นี้คอมเมนต์ทั้งหมดจะถูกซ่อนไว้ ยกเว้นข้อความที่ได้รับอนุมัติจากผู้ใช้เท่านั้น
การพิจารณาทบทวน (Rethink)
การแจ้งเตือนผู้ใช้ก่อนการแสดงความคิดเห็นหรือคอมเมนต์ที่มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม โดยจะมีข้อความขึ้นมาเตือนว่า ต้องการโพสต์ความคิดเห็นหรือคอมเมนต์นั้นหรือไม่