“สกาย ไอซีที” กางผลประกอบการไตรมาส 1/64 แกร่ง กวาดรายได้ 986 ล้านบาท เติบโต 37% เทียบไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว หลังโครงการใหม่ในมือทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ไตรมาส 2/64 ติดเครื่องประมูลงานใหม่ พร้อมเปิดตัว Smart Security Platform และทิศทางบุกภาคเอกชน มิ.ย.นี้ หวังสร้างโอกาสกระจายรายได้ แบ็กล็อกแกร่ง 19,700 ล้าน หนุนผลงานโต 30% ตามเป้า
นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/64 (ม.ค.-มี.ค.2564) บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 986 ล้านบาท เติบโตขึ้น 37% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14 ล้านบาท ถือเป็นผลการดำเนินงานที่น่าพึงพอใจในสภาวะที่ช่วงต้นไตรมาสได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่
สาเหตุหนึ่งที่ยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตไว้ได้มาจากการส่งมอบงานและให้บริการในหลายโครงการ ได้แก่ 1.โครงการพัฒนาเทคโนโลยีระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อควบคุมการตรวจคนเข้าเมือง ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 2.โครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบ ICT และ Health Tech เพื่อส่งเสริมการรักษาพยาบาลและเพิ่มศักยภาพการรับมือของไวรัสโควิด-19 3.โครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบกล้องอ่านแผ่นป้ายทะเบียนอัตโนมัติ (License Plate) ใน 4 พื้นที่ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก และภาคใต้ ให้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด
4.โครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบติดตามตรวจสอบตำแหน่งและเส้นทางรถยนต์ด้วยสัญญาณดาวเทียม ระบบครุภัณฑ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์เชื่อมโยงพร้อมอุปกรณ์ และระบบกล้องอ่านแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์อัตโนมัติแบบเคลื่อนที่ ให้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด
5.โครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเพื่อเพิ่มความปลอดภัยบริเวณพิ้นที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมใน 4 พื้นที่ได้แก่ กรุงเทพฯ ใต้ กรุงเทพฯ เหนือ กรุงเทพฯ กลาง กรุงธนใต้ ให้กรุงเทพมหานคร 6.โครงการจ้างให้บริการระบบผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing System CUPPS) ส่งผลให้มีการรับรู้รายได้ต่อเนื่องในไตรมาสนี้
สำหรับไตรมาส 2/2564 นั้น บริษัทยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเร่งนำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาพัฒนาโซลูชันใหม่ “Smart Security Platform” สำหรับบุกภาคเอกชน เพื่อเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ในกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ และเซ็กเตอร์ใหม่ๆ ได้มากขึ้น กระจายรายได้และสร้างความยั่งยืนในการเติบโต คาดว่าจะสามารถเปิดตัวโซลูชันดังกล่าว พร้อมทิศทางการบุกภาคเอกชนได้ในช่วงปลาย มิ.ย.นี้
“วันนี้ เทคโนโลยีและ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโลกมากขึ้น ความต้องการด้านเทคโนโลยีของทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ไปจนถึงผู้บริโภคจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเชี่ยวชาญที่เรามีในธุรกิจด้านเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ เราเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถขยายโอกาสสู่ New S-Curve และสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ทุกภาคส่วนได้อย่างแข็งแกร่ง”
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2563 บริษัทได้เข้าทำสัญญาและมีงานที่รอส่งมอบตามสัญญาในอนาคตอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 19,700 ล้านบาท เมื่อประกอบกับแผนการประมูลงานใหม่และการขยายธุรกิจบุกภาคเอกชน เชื่อมั่นว่าสิ้นปีนี้รายได้ของบริษัทจะยังเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 30% จากปีที่ผ่านมา