xs
xsm
sm
md
lg

ดีลอยท์คาด "หาหมอผ่านวิดีโอ" ฮอต! ยอดพุ่งเกิน 400 ล้านครั้งทั่วโลกปี 64

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รายงานการคาดการณ์ด้านเทคโนโลยี สื่อและโทรคมนาคมของดีลอยท์ พบว่า การใช้จ่ายบนระบบคลาวด์ทั่วโลกจะเติบโตเร็วกว่าการใช้จ่ายในระบบสารสนเทศโดยรวม 7 เท่า
บริษัทวิจัย "ดีลอยท์” เผยการสำรวจพบปี 2564 จำนวนการเข้าพบแพทย์ผ่านทางวิดีโอจะพุ่งสูงขึ้นมากกว่า 400 ล้านครั้งทั่วโลก โดยการใช้จ่ายบนระบบคลาวด์ทั่วโลกจะเติบโตเร็วกว่าการใช้จ่ายในระบบสารสนเทศโดยรวม 7 เท่า ขณะที่การใช้จ่ายสำหรับเทคโนโลยีโลกเสมือนจริงสูงขึ้นกว่าปีพ.ศ.2562 เป็นเท่าตัว มั่นใจตลาดระบบประมวลผล Intelligent edge ทั่วโลกจะขยายตัวถึงหนึ่งหมื่นสองพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตลาดเทคโนโลยีสำหรับกีฬาได้รับความสนใจจากกองทุนร่วมลงทุน (venture capital) มากยิ่งขึ้น โดยมีการตกลงทางธุรกิจมากกว่า 3,000 รายการทั่วโลกและมีรอบการระดมทุนมากกว่า 5 ปี

เอเรียน บูคายย์ ผู้นำในอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี สื่อ และโทรคมนาคม ประจำดีลอยท์ โกลบอล กล่าวถึงรายงานการคาดการณ์ด้านเทคโนโลยี สื่อและโทรคมนาคม (Technology, Media & Telecommunications (TMT) Predictions report) ซึ่งบริษัทเน้นการนำเสนอผลกระทบจากเทรนด์ด้านเทคโนโลยี สื่อและโทรคมนาคมที่อาจส่งผลต่อธุรกิจและผู้บริโภคทั่วโลก ว่า รายงานดังกล่าวแสดงถึงเทรนด์ที่ถูกขับเคลื่อนโดยผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมในช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ที่ส่งผลให้เกิดการเติบโตสูงขึ้นในสื่อวิดีโอ เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (virtual) และระบบคลาวด์ (Cloud) รวมถึงในสื่อประเภทอื่น เช่น กีฬา เป็นต้น

“ในขณะที่เทคโนโลยีบางประเภทมีการเติบโตเป็นไปตามแผนที่วางไว้ แต่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นตัวกระตุ้นเร่งให้เทคโนโลยีเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่คาดคิดมาก่อน ซึ่งส่งผลให้วิถีชีวิตและการทำงานของเราเปลี่ยนไป เทคโนโลยีระดับองค์กรและผู้บริโภคตั้งแต่ 5G ระบบคลาวด์ ไปจนถึงเทคโนโลยีเสมือนจริงจะยังคงเปิดโอกาสมากมายให้กับระบบนิเวศทางธุรกิจทั่วโลก”

ดีลอยท์ย้ำว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสวิด-19 ส่งผลให้เทรนด์การรักษาระยะไกล (Telemedicine) เติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งรวมถึงการพบแพทย์ผ่านทางวิดีโอด้วย การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการลดอุปสรรคในเรื่องกฎระเบียบในการพบแพทย์ผ่านระบบเทคโนโลยี แต่ยังช่วยให้ผู้บริโภคโดยฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากการสื่อสารด้วยวิดีโอผ่านแอปพลิเคชันได้อีกด้วย

แม้จะมีความกังวลในระยะแรก รายงานการคาดการณ์เทคโนโลยี สื่อและโทรคมนาคม สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของผู้บริโภค (รวมถึงแพทย์) ที่ต้องการปรับเปลี่ยนแนวทางการพบแพทย์แบบเดิมเป็นการนัดพบเสมือนจริง ซึ่งรวมถึงการพบแพทย์ผ่านวิดีโอด้วย ดีลอยท์ คาดการณ์ว่า การพบแพทย์แบบเสมือนจริงผ่านทางวิดีโอจะเพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลกในปีนี้ จากที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้ว แม้จะเป็นการเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่นับเป็นก้าวที่สำคัญ ถึงแม้เปอร์เซ็นต์ของตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจะดูเล็กน้อย แต่เท่ากับการเข้าพบแพทย์ผ่านวิดีโอถึง 8.5 พันล้านครั้ง ซึ่งคิดเป็นมูลค่าทั้งหมดประมาณ 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 36 ประเทศที่เข้าร่วมองค์การเพื่อความร่วมมือ และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือโออีซีดี (Organisation for Economic Co-operation and Development - OECD) ในปี พ.ศ.2562 สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การพบแพทย์ผ่านทางวิดีโอ และรายรับของผู้นำตลาดมีการเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน ไม่เพียงแต่ในกลุ่มตลาดประเทศที่ได้รับการพัฒนาแล้ว ยังรวมไปถึงกลุ่มตลาดประเทศที่กำลังพัฒนาอีกด้วย

การสำรวจพบว่า หน่วยงานการศึกษาและองค์กรหันมาเลือกเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง ทำให้ชัดเจนว่าตลาดของเทคโนโลยีโลกเสมือนจริงกำลังขยายตัว เนื่องจากเทคโนโลยีแสดงความสมจริงได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มบริษัทและองค์กรเพื่อการศึกษา ดีลอยท์คาดการณ์ว่า ยอดขายอุปกรณ์เฮดเซ็ต เทคโนโลยีเสมือนจริงดังกล่าว ทั้ง augmented reality (AR) และ mixed reality (MR) หรือเรียกโดยรวมว่า XR หรือ digital reality จะพุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าตัวในปีนี้ มากกว่าที่คาดการณ์ไว้แต่เดิมในปี พ.ศ.2562 ซึ่งเป็นผลมาจากการซื้อเพื่อใช้ประโยชน์โดยกลุ่มองค์กรและสถาบันการศึกษา

"ตลาดเฮดเซ็ตชนิดนี้ได้รับแรงกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วในตลาดบางกลุ่ม เนื่องด้วยประเด็นความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ผลักดันให้ครูผู้สอนและนักเรียนนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอนแบบเสมือนจริงแทนที่การเรียนการสอนในชั้นเรียนแบบเดิม ด้วยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้เองที่ช่วยเปิดโอกาสให้เห็นถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีได้เร็วยิ่งขึ้น เทคโนโลยีโลกเสมือนจริงจึงอาจยังมีส่วนแบ่งในท้องตลาดภายหลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสิ้นสุดลง เพราะสามารถนำไปใช้ประโยชน์หลากหลายด้าน เช่น มีต้นทุนต่ำกว่า ให้ความปลอดภัยสูงกว่า และเอื้อต่อการจดจำเนื้อหาการเรียนการสอนที่ดีกว่า” ดีลอยท์ ระบุ

นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ขับเคลื่อนให้ระบบคลาวด์ขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจากการประเมินด้วยตัวชี้วัด ตลาดระบบคลาวด์ในปี พ.ศ.2563 ขยายตัวเร็วขึ้นกว่าในปี พ.ศ.2562 จากรายงานการคาดการณ์เทคโนโลยี สื่อ และโทรคมนาคม การขยายตัวของระบบคลาวด์เป็นผลมาจากความต้องการเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีการแพร่ระบาด ระหว่างการปิดกั้นพื้นที่เมือง (lockdown) และระบบการทำงานนอกออฟฟิศ (work-from-anywhere) ดีลอยท์ คาดการณ์ว่า ปริมาณรายรับจะพุ่งสูงขึ้นมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ปี 2021 จนถึงปี พ.ศ.2568 เนื่องจากบริษัทหลากหลายแห่งย้ายระบบฐานข้อมูลไปยังระบบคลาวด์เพื่อประหยัดงบประมาณ สร้างความคล่องตัวในการทำงาน และเพื่อสรรค์สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ

จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่ส่งผลให้บริษัทหลายแห่งย้ายระบบฐานข้อมูลไปยังระบบคลาวด์ ตลาดของระบบดังกล่าวจึงมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากกว่าที่เคยเป็นมา อุตสาหกรรมบางประเภทที่สร้างและจัดการข้อมูลปริมาณมาก เช่น กลุ่มการธนาคารและกลุ่มผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม ที่แม้จะมีความลังเลในการใช้ระบบคลาวน์ก่อนหน้านี้ ก็เริ่มหันมาตระหนักถึงประโยชน์ที่ได้รับ ผู้ให้บริการระบบคลาวด์และผู้อื่นในระบบนิเวศทางธุรกิจจะมีโอกาสได้ใช้ประโยชน์จากการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น ขณะที่ผู้ใช้ระบบคลาวด์ก็สามารถมองหาช่องทางที่ระบบคลาวค์จะเพิ่มมูลค่าได้ในอนาคตอันใกล้ เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับระบบคลาวด์อาจกลายเป็นคำตอบหลักสำหรับโจทย์ธุรกิจทุกรูปแบบก็เป็นได้

การสำรวจพบด้วยว่า ผู้หญิง และเทคโนโลยี เข้ามาพลิกโฉมวงการกีฬา เพราะในขณะที่จำนวนการจัดกิจกรรมกีฬาอยู่ในช่วงขาลงในปีที่ผ่านมา แนวโน้มการขยายตัวตลาดดังกล่าวกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ดีลอยท์ คาดการณ์กว่า เทรนด์ด้านกีฬาสองเทรนด์หลักๆ ได้แก่ การเพิ่มมูลค่าในกีฬาสำหรับผู้หญิง และการใช้ระบบดิจิทัลและข้อมูลมหาศาลเพื่อสร้างนักกีฬาที่มีศักยภาพและความแข็งแกร่งสูงจะเดินหน้าได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง

"กีฬาสำหรับผู้หญิงในปัจจุบันมีการขยายตัวตามที่คาดการณ์ไว้ โดยจะมีมูลค่ามากกว่าพันล้านดอลลาร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ความสามารถในการดึงดูดผู้ชมทางโทรทัศน์เป็นจำนวนมาก การสร้างมูลค่าให้แก่ผู้สนับสนุน และการดึงความสนใจจากแฟนกีฬา นับเป็นความสำเร็จที่โดดเด่น เห็นได้ชัดจากกิจกรรมกีฬาหลากหลายโอกาสในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้กลับมาพิจารณามุมมองต่างๆ ในสังคมอีกครั้ง ดีลอยท์คาดการณ์ว่า กีฬาสำหรับผู้หญิงจะได้รับความนิยม ได้รับการสนับสนุน และสร้างผลกำไรในแนวทางใหม่ๆ อีกด้วย” ดีลอยท์ย้ำ

อีกประเด็นหนึ่งในวงการกีฬาที่ยังคงทำกันมาต่อเนื่องโดยตลอด คือ การใช้ชุดข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลของนักกีฬาแบบเรียลไทม์เพิ่มมากขึ้น ทำให้การวัดสมรรถภาพในร่างกายและสมรรถภาพภายนอกร่างกายเป็นไปได้นำไปสู่การตั้งเกณฑ์วัดสมรรถภาพใหม่ๆ กว่าหลายร้อยรูปแบบเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพื่อสร้างนักกีฬาด้วยระบบดิจิทัล เนื่องด้วยการนำระบบดิจิทัลและข้อมูลมหาศาลมาใช้สร้างนักกีฬานั้นสามารถสร้างโอกาสอย่างมหาศาลได้ ดีลอยท์คาดการณ์ว่าสมาคมกีฬาอาชีพหลายแห่งจะตั้งนโยบายใหม่ๆ อย่างเป็นทางการ ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บข้อมูล การใช้ข้อมูล และการสร้างผลประโยชน์เชิงการค้าจากข้อมูลของนักกีฬาภายในปีนี้

ดีลอยท์มองว่า จะมีการเปิดตัวอุตสาหกรรม 4.0 ด้วย Intelligent edge เพราะ Intelligent edge เป็นเทคโนโลยีที่รวมของการเชื่อมต่อไร้สายขั้นสูง หน่วยประมวลผล และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอุปกรณ์ที่ใช้งานและสร้างข้อมูล ได้เป็นแรงบันดาลใจให้บริษัทด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารขนาดใหญ่หลายแห่ง ดีลอยท์ คาดการณ์ว่า ในปี 2021 นี้ ตลาด Intelligent edge ทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึงหนึ่งหมื่นสองพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ การขยายตัวของตลาดดังกล่าว เป็นผลมาจากบริษัทผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมมีขยายเครือข่าย 5G รวมถึงผู้ให้บริการระบบคลาวด์ขนาดใหญ่เป็นหลัก ซึ่งการริเริ่มของบริษัทผู้นำด้านโทรคมนาคมที่มีเงินทุนสูงอาจช่วยให้บริษัทที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมหลากหลายประสบความสำเร็จใน Intelligent edge ได้ง่ายยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ รายงานยังกล่าวถึงประเด็นจุดเริ่มต้นของกระแส 8K เพราะยอดขายโทรทัศน์ที่มีความละเอียดคมชัด 8,000 พิกเซล มีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้นถึงห้าพันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ด้วยอุปกรณ์และบริการเพื่อสร้างเนื้อหาที่มีความละเอียด 8K โดยเนื้อหาดังกล่าวจะสร้างผลกำไรอีกหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกัน เทรนด์สุขภาพในยุค 5G ก็จะร้อนแรงเพราะความกังวลว่า 5G อาจส่งผลต่อสุขภาพนั้นยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด ดีลอยท์คาดการณ์ว่า ในปี 2021 นี้ แนมโน้มที่ว่ารังสีจากเครือข่าย 5G และโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่าย 5G จะส่งผลต่อสุขภาพของบุคคลใดบุคคลหนึ่งนั้นไม่น่ามีความเป็นไปได้ แต่หากจะมีการศึกษาใดๆเกี่ยวกับ 5G เพื่อจัดการกับความกังวลด้านสุขภาพนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การศึกษาดังกล่าวจำเป็นต้องมีประเด็นที่น่าสนใจ สอดคล้องและครอบคลุม และจำเป็นต้องเริ่มขึ้นในเวลานี้

ยังมีประเด็นเรื่องเร่งการพัฒนา RANs รุ่นใหม่ หรือเครือข่ายการเข้าถึงวิทยุ (RANs) แบบเปิดและเสมือนจริง ช่วยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (MNOs) สามารถลดต้นทุนและเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ขายเมื่อมีการปรับใช้เครือข่าย 5G


กำลังโหลดความคิดเห็น