ดีแทครายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 64 มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 229,000 ราย รายได้เริ่มทรงตัวอยู่ที่ 1.414 หมื่นล้านบาท เร่งขยายเครือข่าย 700 MHz ให้บริการครอบคลุมพื้นที่ และเพิ่มประสบการณ์ใช้งานของลูกค้า
นายชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ดีแทคเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในช่วงต้นแม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง จากการเร่งเปิดใช้งานคลื่น 700 MHz อย่างต่อเนื่องซึ่งครอบคลุมพื้นที่ใช้งานถึงสองในสามของประชากร
“เมื่อลูกค้าได้ประสบการณ์ใช้งานที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น และสัญญาณครอบคลุมพื้นที่ให้บริการเพิ่มขึ้น พร้อมกับขยายบริการ 5G ไปยัง 6 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ของทุกภาค และจะขยายสถานีฐานไปยังพื้นที่ที่มีการใช้งานหนาแน่นตลอดทั้งปี 2564”
ที่ผ่านมา ดีแทคยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก และส่งมอบประสบการณ์ใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับองค์กรให้ปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ลดความซับซ้อนของกระบวนการทำงานและปรับเปลี่ยนวิถีการทำงานให้สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยภาพรวมสิ้นไตรมาส 1/64 ดีแทคมีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งหมดอยู่ที่ 19.1 ล้านราย เพิ่มขึ้น 229,000 รายจากไตรมาสก่อน โดยรายได้จากบริการไม่รวมค่า IC อยู่ที่ 1.414 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% จากไตรมาสที่แล้ว และลดลง 7.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ในขณะที่รายได้จากบริการหลักลดลง 0.7% จากไตรมาสที่แล้ว และ 6.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน EBITDA สำหรับไตรมาส 1/64 มีมูลค่า 7.477 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% จากไตรมาสก่อน และลดลง 2.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 822 ล้านบาท
นายนกุล เซห์กัล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการเงิน บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า รายได้จากการบริการของเรายังคงทรงตัวเป็นครั้งแรก หลังจากขาดทุนติดต่อกัน 4 ไตรมาส สอดคล้องไปกับการเพิ่มขึ้นของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นผลมาจากแผนการฟื้นตัวที่มีประสิทธิภาพของดีแทค จากการมุ่งเน้นทำตลาดคนไทยในประเทศ ควบคู่ไปกับผลกระทบที่ดีจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ความพยายามอย่างต่อเนื่องของเราในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิผล
ดีแทคปรับแนวโน้มสำหรับปี 2564 ในส่วนของรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่า IC จากลดลงในอัตราร้อยละที่เป็นเลขหลักเดียวในระดับต่ำ เป็นคงที่ จนถึงลดลงในอัตราร้อยละที่เป็นเลขหลักเดียวในระดับต่ำ และ EBITDA จากลดลงในอัตราร้อยละที่เป็นเลขหลักเดียวในระดับต่ำ เป็นคงที่ จนถึงเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละที่เป็นเลขหลักเดียวในระดับต่ำ ในขณะที่คงแนวโน้มด้านค่าใช้จ่ายลงทุนที่ 1.3-1.5 หมื่นล้านบาท