เจ้าพ่อไอทีระดับโลกประกาศผลประกอบการคึกคัก ไมโครซอฟท์ (Microsoft) หักปากกาเซียนทุกสำนักวิเคราะห์ เพราะรายได้จากระบบปฏิบัติการวินโดวส์ (Windows) จากผู้ผลิตอุปกรณ์สูงกว่าที่คาดการณ์ ขณะที่อัลฟาเบ็ต (Alphabet) ต้นสังกัดกูเกิล (Google) รายงานผลประกอบการว่ารายได้เพิ่มขึ้น 34% ดาวเด่นอยู่ที่รายได้จากโฆษณาบนยูทูบ (YouTube) ที่เพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ไมโครซอฟท์รายได้เพิ่มแต่กำไรหด
แม้ผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลกจะโชว์ตัวเลขผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปีการเงินล่าสุด พร้อมคำคาดการณ์รายได้รายไตรมาสที่แข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ แต่ด้วยอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทที่ลดลงเล็กน้อย ทำให้หุ้นของ Microsoft ขยับลดลง 3% หลังการประกาศ
การลดลงของกำไรนี้เป็นผลจากระบบคลาวด์ที่กลายเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจ โดยในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 64) Microsoft ทำกำไรได้ 1.95 ดอลลาร์ต่อหุ้น เหนือกว่า 1.78 ดอลลาร์ต่อหุ้นตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ กำไรนี้เกิดขึ้นบนรายรับรวม 41,710 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท
Microsoft มีรายได้จากการผลิตซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์รวมถึงบริการอื่นๆ เพิ่มขึ้น 19% ต่อปีในไตรมาสนี้ เป็นการเพิ่มขึ้นรายไตรมาสที่สูงที่สุดที่บริษัทเคยประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2561 ปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากยอดขายพีซีที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตโควิด-19 ในปี 63
Microsoft ย้ำว่า ระบบคลาวด์สาธารณะ Azure ซึ่งแข่งขันกับผู้นำตลาดอย่าง Amazon Web Services นั้นเติบโตขึ้น 50% เร็วกว่าที่นักวิเคราะห์มองว่าจะเติบโต 46%
Alphabet หุ้นพุ่ง
Alphabet สามารถเรียกความตื่นเต้นจากนักลงทุนหลังจากที่รายงานผลประกอบการสวยงามสำหรับไตรมาสแรกของปีการเงิน 2564 มีการประกาศซื้อคืนหุ้นใหม่มูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นอีกมากกว่า 4%
Alphabet สามารถทำรายได้ 26.29 ดอลลาร์ต่อหุ้น แซงตัวเลขประเมิน 15.82 ดอลลาร์ต่อหุ้นแบบไม่เห็นฝุ่น รายรับรวมเบ็ดเสร็จ 55,310 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.73 ล้านล้านบาท
ดาวเด่นที่ทำเงินมหาศาลคือ กูเกิลคลาวด์ (Google Cloud) ที่ทำรายได้เบาๆ 4,050 ล้านดอลลาร์ ขณะที่โฆษณาบน YouTube โกยเรียบ 6,010 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.8 แสนล้านบาท
สำหรับธุรกิจหลัก รายได้ของ Google เพิ่มขึ้น 34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บนรายได้จากการโฆษณา 44,680 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 33,760 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ทำให้เป็นอัตราการเติบโตต่อปีที่เร็วที่สุดในรอบ 4 ปี เป็นภาวะโยโย่ในวงการโฆษณาออนไลน์ที่ดีดตัวแรงหลังจากเม็ดเงินหดหายในปีที่แล้วเพราะวิกฤตเศรษฐกิจจากพิษการระบาดของโควิด-19