อินเว้นท์ (InVent) โครงการธุรกิจร่วมลงทุนภายใต้บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรืออินทัช ร่วมกับ Humanica, 500 TukTuks, StormBreaker Venture, และ Stundi ลงทุนใน “โคนิเคิล” (Conicle) บริษัทสตาร์ทอัปด้าน EdTech ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มและโซลูชันด้านการเรียนรู้สำหรับองค์กร รอบ Series A มูลค่า 3 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 90 ล้านบาท) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและการเติบโตทางธุรกิจ มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้าน All-in-One Learning Platform และ HR Transformation Solution ให้แก่ลูกค้าองค์กร พร้อมขยายตลาดสู่ต่างประเทศ
ดร.ณรงค์พนธ์ บุญทรงไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริษัทร่วมทุนและพัฒนาธุรกิจ และหัวหน้าโครงการบริษัทร่วมทุนอินเว้นท์ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อินทัชมีเป้าหมายลงทุนในสตาร์ทอัปที่เกี่ยวเนื่องกับ 5G มากขึ้น เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยี 5G มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้า และบริการของกลุ่มอินทัช โดยเน้นการลงทุนในเทคโนโลยีด้านต่างๆ เช่น การศึกษา (EdTech) สุขภาพ (HealthTech) การเงิน (FinTech) และ Emerging Technology ซึ่งการลงทุนใน Conicle เพราะเล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตที่สอดรับกับพฤติกรรมการเรียนรู้ของคนที่เปลี่ยนแปลงไป และยังตอบโจทย์แนวคิดของกลุ่มบริษัทที่เน้นการพัฒนาศักยภาพของคนด้วยการยกระดับการศึกษาซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
“การลงทุนใน Conicle ถือเป็นการลงทุนใน EdTech Startup รายแรกของอินเว้นท์ ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ถือเป็น Strategic Investment ที่สำคัญของอินทัช ในฐานะ lead investor เรายินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีการศึกษาของประเทศไทยและการพัฒนาบุคลากรที่ขับเคลื่อนองค์กรให้มีศักยภาพสูงขึ้น เปิดโอกาสให้สามารถเพิ่มทั้งทักษะเดิม (upskill) และทักษะใหม่ (reskill) ได้ทุกที่ทุกเวลา และสามารถต่อยอดกับกลุ่มอินทัชในการหาโอกาสสร้างธุรกิจใหม่ในอุตสาหกรรมการศึกษาด้วย โดยเฉพาะกับเอไอเอสที่ได้สร้างฐานการรับรู้ในตลาดการศึกษามาหลายปีผ่าน AIS Academy ผมมองว่าเรื่องการศึกษาจะถูกให้ความสำคัญมากขึ้น จากตัวอย่างที่เห็นชัดในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา อีกทั้งแนวโน้มการลงทุนในสตาร์ทอัปด้าน EdTech ทั่วโลกก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2020 มีเม็ดเงินกว่า 16 พันล้านเหรียญสหรัฐที่สตาร์ทอัปกลุ่มนี้ระดมทุนจาก VC ทั่วโลก ซึ่งก้าวกระโดดกว่า 2 เท่าหากเทียบกับปี 2019 ซึ่งในระยะกลางถึงยาว”
เบื้องต้น ดร.ณรงค์พนธ์ ระบุว่า ทั้งอินทัชและ Conicle มีแนวคิดทางธุรกิจที่สอดคล้องกัน ที่อยากเห็นประเทศไทยมีแพลตฟอร์มการศึกษาที่จะเสริมให้คนไทยสามารถเรียนรู้ได้ตลอดทุกช่วงอายุ (Lifelong Learning) ซึ่งหมายถึงการขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดลูกค้าทั่วไป (Consumer) มีความน่าสนใจและมี pain points ที่ต่างจากกลุ่มลูกค้าองค์กร การเรียนในห้องเรียนแบบเดิมๆ อาจจะไม่ตอบโจทย์ผู้เรียนยุคใหม่ที่บริบทของสังคมและองค์ความรู้เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว ซึ่งจะมีการทำงานร่วมกับ Conicle รวมถึงพันธมิตรธุรกิจอื่นๆ เพื่อเปิดโอกาสและลดช่องว่างให้เด็กไทยสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพต่อไป
สำหรับ Conicle Platform และ ConicleX เป็นแพลตฟอร์มบริหารจัดการการเรียนรู้ (Learning Management Platform) เป็นเสมือนผู้ช่วยที่รู้ใจของผู้บริหารและ HR ในการพัฒนาบุคลากรขององค์กร ภายใต้แนวคิดหลัก “All-in-One Learning Experience” เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถสร้างการเรียนรู้และเพิ่มศักยภาพให้แก่พนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีจุดเด่นในเรื่องการใช้งานที่ง่ายและตอบโจทย์ครอบคลุม การเรียนรู้ในกระบวนการต่างๆ ในรูปแบบ 70.20.10 คือ เรียนรู้ แลกเปลี่ยนความรู้ และวัดประเมินผลการลงมือทำ ได้ครบจบในที่เดียว
นอกจากนี้ ได้พัฒนา ConicleX - The Cloud University มหาวิทยาลัยออนไลน์ที่รวบรวมการเรียนรู้ในรูปแบบดิจิทัลเน้นองค์ความรู้และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เช่น ทักษะด้านธุรกิจ ด้านดาต้า ด้านบุคลากร และด้านการพัฒนาตนเอง เพื่อช่วยในการ Upskill และ Reskill เพิ่มศักยภาพในด้านต่างๆ ของบุคลากรได้อย่างดีมากขึ้น ปัจจุบัน Conicle ได้ให้บริการองค์กรชั้นนำกว่า 50 องค์กรจากหลากหลายอุตสาหกรรม มีผู้ใช้งานกว่า 1 ล้านราย
นายนกรณ์ พฤกษ์พิพัฒน์เมธ CEO & Co-Founder Conicle กล่าวว่า Conicle โฟกัสเรื่องการสร้างเทคโนโลยีและบริการที่ช่วยพัฒนาคนให้เรียนรู้ง่ายขึ้น ช่วยให้คนเก่งขึ้น ช่วยให้องค์กรมีเครื่องมือและกระบวนการที่ดีขึ้นในด้านการพัฒนาคน การเรียนรู้จะไม่จบแค่ในระดับมหาวิทยาลัย แต่จะกลายเป็น Lifelong Learning ที่ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะความรู้และทักษะนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในอัตราเร่งที่มากขึ้นเรื่อยๆ Conicle จึงสร้างแพลตฟอร์มที่เป็นเสมือนมหาวิทยาลัยออนไลน์ที่ผู้คนและองค์กรสามารถสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้
“ด้วยแนวคิดที่มุ่งยกระดับการเรียนรู้ให้เป็นมิติใหม่ ไม่ใช่แค่การเป็น E-Learning หรือ Online Courses เท่านั้น แต่มองการเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ผสมผสานวิธีการเรียนรู้ต่างๆ เข้าด้วยกัน (Blended Learning) แล้วจัดสรรให้เข้ากับความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละบุคคล (Personalized Learning) และเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีให้แก่ผู้ใช้งาน ซึ่งถือเป็นจุดเด่นและแนวทางหลักของ Conicle”
ด้านนายอนพัทย์ วิมลประภาพร CTO & Co-founder ของ Conicle กล่าวเสริมว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ การที่รับฟังและทำความเข้าใจลูกค้าอยู่เสมอ และบริษัทมี Passion มากกับการสร้าง ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน
“เราเข้าไปดูกระบวนการทำงานของลูกค้า ได้เห็นปัญหา และตีโจทย์ออกมาเป็นโซลูชันที่สามารถช่วยองค์กรและผู้ใช้งานได้จริงๆ ที่ผ่านมาเราได้พิสูจน์แล้วว่าเรามีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานจริงๆ มีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง และเราเองก็พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่องเช่นกัน”
ที่ผ่านมา Conicle มีการพัฒนาเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยมี Strategic Partner ที่เป็นทั้งนักลงทุนและเป็นเสมือนพี่เลี้ยงที่สำคัญ คือ บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) ซึ่ง Humanica เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ HR Management และให้บริการ Outsourcing แก่องค์กรเพื่อการบริหารทรัพยากรบุคคล ถือเป็นผู้นำทางด้าน HR Solution ของประเทศ โดย Humanica และ Conicle ได้จับมือและวางกลยุทธ์ร่วมกันในการเป็น All-in-One HR Platform ที่ตอบโจทย์กระบวนการ HR อย่างครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้บริการลูกค้าองค์กรแบบครบจบที่เดียวได้ ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญของการเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันและสามารถเทียบเคียงกับแพลตฟอร์มจากต่างประเทศที่เป็น Global Player ชั้นนำของโลกได้
นายสุนทร เด่นธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การจับมือกับ Conicle เพื่อรุกแพลตฟอร์ม Learning นับเป็นการเปิดแนวรบใหม่ โดยฮิวแมนิก้ามีความต้องการที่จะทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านจริงๆ
“การนำเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มของ Conicle มารวมกับแพลตฟอร์มของฮิวแมนิก้า เพื่อเสริมสร้าง Employee Ecosystem ของเราให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น และตอบโจทย์ในการช่วยให้พนักงานของลูกค้าเราทำงานได้ดียิ่งขึ้น และมีความส่วนตัวที่มีความสุขยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแนวคิดร่วมกัน คือการสร้าง The Ultimate Work-Life Platform”
นายกระทิง พูนผล Managing Partner แห่ง 500 TukTuks และผู้ก่อตั้ง StormBreaker Venture เปิดเผยว่า ตลาดการลงทุนใน “EdTech” เป็นตลาดที่ใหญ่มาก มีมูลค่าการลงทุนทั่วโลก จะเห็นได้จากทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมายกระดับศักยภาพของคนในประเทศ เพื่อเป็นตัวเร่ง ผลักดัน
“เพราะเราเชื่อว่า ในอนาคต 35% ของทักษะแบบเดิมจะใช้ไม่ได้ในการทำงาน เช่น ถ้าอยู่ในอุตสาหกรรมไฟแนนซ์ 47% ของทักษะจะใช้ไม่ได้ ส่วนเทคโนโลยีที่จะมีผลในการเรียนการสอนในอนาคต ได้แก่ VR/AR, 3D printing ในการสอนเมกเกอร์, เซ็นเซอร์และเน็ตเวิร์ก และ AI”
กระทิงย้ำว่า ในอีกไม่เกิน 3-5 ปีข้างหน้า กว่า 47% ของงานจะถูกหุ่นยนต์มาแทนที่ แปลว่างานหายไปครึ่งหนึ่ง ต่อไป AI, โรโบติก จะเป็นฐานของดิจิทัลดิสรัปชันเวฟต่อๆ ไป ความไม่เท่าเทียมกันจะยิ่งขยาย แม้กระทั่งความรู้ด้านเทคโนโลยีก็ยิ่งห่าง ดังนั้น ต้องเร่งรีสกิล เพราะถ้าอีก 3 ปี ไม่มีการพัฒนาตัวเอง อยู่ไม่ได้แน่นอน รวมถึงบุคลากรในประเทศไทยต้องรีสกิลทั้ง 67 ล้านคน ดังนั้น การร่วมลงทุนกับ Conicle จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงได้
นอกจากนี้ ผศ.ดร.นพพร เรืองวานิช ผู้อำนวยการหลักสูตรควบตรี-โท ทางการบัญชีและบริหารธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้ลงทุนอีกรายกับทาง Conicle ในรอบ Sereis A ได้กล่าวเสริมว่า อนาคตของการศึกษาจะต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการเรียนรู้ของผู้เรียนในทุกมิติ ซึ่งจะไม่ใช่แค่ในห้องเรียน หรือรูปแบบคอร์สออนไลน์เท่านั้น แต่เป็นกระบวนการเรียนรู้ทั้งหมดทั้งการเรียน แลกเปลี่ยน ลงมือทำ และวัดผล มาร้อยเรียงกันอย่างสอดคล้องเชื่อมโยง โดยใช้ข้อมูลเป็นตัวนำในการช่วยวิเคราะห์และแนะนำว่าผู้เรียนแต่ละคน ควรจะต้องเรียนอะไร พัฒนาศักยภาพของตัวเขาเองไปทางไหนซึ่งจะทำให้การเรียนรู้ได้ผลสูงสุด
“ผมเห็นว่า Conicle มีโอกาสที่ดีในการเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้และ transform การศึกษาได้ด้วยแนวทางดังกล่าว”
ดร.ณรงค์พนธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากขยายการลงทุนใหม่แล้ว อินทัชยังคำนึงถึงความสำคัญในการสร้างมูลค่าให้แก่ InVent Portfolio ใน 3 ด้าน คือ 1.Business Development & Strategic Value ส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัปในการสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายให้เติบโตอย่างยั่งยืนจากการร่วมมือระหว่างบริษัทในเครืออินทัช และพันธมิตรช่วยให้เข้าถึงตลาดใหม่ ช่องทางการขายใหม่ กลุ่มลูกค้าใหม่ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ 2.Nurturing พัฒนาศักยภาพของสตาร์ทอัปด้วยความรู้และผู้เชี่ยวชาญ และช่วยเหลือในด้านต่างๆ เช่น กฎหมาย การเงิน บัญชี และการบริหารจัดการต่างๆ และ 3.Knowledge Sharing จัดงานพบปะทางธุรกิจ และแลกเปลี่ยนความรู้จากหลากหลายมิติ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา อินทัชลงทุนในสตาร์ทอัปทั้งหมด 26 ราย มีมูลค่าพอร์ตการลงทุนกว่า 1,300 ล้านบาท เติบโตขึ้น 26% จากปี 2019