สปอติฟาย (Spotify) ลุย 4 ภารกิจ ขยายแคตตาล็อก-เพิ่มฐานผู้ฟัง-สร้างอาชีพ-รองรับความต้องการหลากหลาย เดินหน้าให้บริการใน 80 ตลาดใหม่ กระตุ้นตลาดด้วยการจัดรายการพอดแคสต์จากอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และบรูซ สปริงส์ทีน ชูหลากเครื่องมือใหม่ให้ครีเอเตอร์และนักสร้างสรรค์เพลงสามารถจับคู่ทำงานและทำเงินได้ดีกว่าเดิม ขอเป็นศูนย์กลางแหล่งสร้างรายได้ของวงการเพลง มั่นใจตลาดใหม่พา Spotify เข้าถึงฐานผู้ฟังรายใหม่เกิน 1 พันล้านคน
แดเนียล เอ็ก (Daniel Ek) ผู้ก่อตั้ง และกรรมการบริหารของ Spotify กล่าวในงานอีเวนต์ออนไลน์ Spotify Stream On ว่าแม้ Spotify จะเปิดให้บริการมากกว่าครึ่งโลกแล้วในขณะนี้ แต่ก็มีนักสร้างสรรค์อีกนับล้าน และผู้ฟังอีกกว่าพันล้านคนที่ยังไม่สามารถเข้าถึง Spotify ได้ ดังนั้น บริษัทจึงลุยขยายแผนงานของ Spotify ในระดับโลกอย่างมีนัยสำคัญ และการเคลื่อนไหวนี้จะทำให้ Spotify เข้าถึงประชากรมากกว่าพันล้านคนในตลาดใหม่ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของคนกลุ่มนี้เป็นผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต
"ทุกอย่างเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าต่อจากนี้ ผมเชื่อว่าเราจะได้เห็นยุคทองของอุตสาหกรรมคอนเทนต์เสียง สำหรับทั้งนักสร้างสรรค์ ผู้ฟัง และ Spotify เอง”
อ้าแขนรับคนทำเพลง 50 ล้านคน
เจ้าพ่อสตรีมมิ่งเพลงสัญชาติสวีดิช ระบุว่า 3 ปีก่อน Spotify มีครีเอเตอร์หรือนักสร้างสรรค์จำนวน 3 ล้านคนบนแพลตฟอร์ม ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจาก 4 เป็น 5 และเป็น 8 ล้านคนในปีนี้ เชื่อว่าภายในปี 2025 จะมีนักสร้างสรรค์กว่า 50 ล้านคน บน Spotify โดยผลงานของคนกลุ่มนี้จะได้รับความสนใจจากผู้ใช้นับพันล้านทั่วโลก
"นี่ไม่ใช่การคาดเดา หรือเป้าหมาย แต่เป็นทั้งความท้าทาย และโอกาสที่ยอดเยี่ยม"
เป้าหมายหลักที่ Spotify ต้องการ คือ การมีบทบาทสำคัญในการช่วยครีเอเตอร์คนทำเพลงสามารถสร้างรายได้ ขณะเดียวกันก็เป็นสถานที่ที่เหล่านักการศึกษา นักลงทุน นักเล่าเรื่อง นักเขียน ผู้มีชื่อเสียง และศิลปิน สามารถเข้าถึง และโชว์มุมมองต่อโลกผ่านคอนเทนต์เสียง พันธกิจของ Spotify จึงมุ่งปลดล็อกศักยภาพของศิลปินนับล้านในวงการ ให้มีโอกาสถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ และผลงานแก่แฟนคลับหลายพันล้านคนทั่วโลก
Spotify เผยว่า บริษัทได้ชำระเงินให้แก่เจ้าของลิขลิทธิ์มากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2020 (ราว 1.5 แสนล้านบาท) มีศิลปิน 57,000 คนที่ครองสัดส่วน 90% ของยอดการสตรีมรายเดือนบน Spotify คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัวภายในเวลา 6 ปี เฉพาะช่วง 4 ปีที่ผ่านมา จำนวนศิลปินที่สร้างผลงานด้วยตัวเอง และทำรายได้จากการสร้างและเผยแพร่ผลงานมากกว่าปีละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นมากกว่า 82% มาอยู่ที่กว่า 800 คน เบ็ดเสร็จแล้ว จำนวนศิลปินที่สร้างผลงานด้วยตัวเอง และทำรายได้มากกว่าปีละ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 79% ในช่วงปี 4 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่กว่า 7,500 คน
ตัวเลขนี้พัฒนาไปมากกว่าช่วงแรกที่ Spotify เปิดตัวในปี 2008 เพียง 1 ปีหลังจากไอโฟน (iPhone) รุ่นแรกถูกแจ้งเกิด ปัจจุบัน Spotify มีผู้ใช้งานที่ใช้งาน 345 ล้านคนต่อเดือนใน 95 ประเทศ ในจำนวนนี้ 155 ล้านคนเป็นสมาชิกที่ชำระเงินเพื่อฟังเพลง รายการพอดคาสต์ หนังสือเสียง และการบรรยายสอนสมาธิ
ภาพรวมล่าสุดของ Spotify คือการปักหลักให้บริการโฮสต์คู่กับการขายโฆษณาจริงจัง โดยนอกจากรายได้ส่วนแบ่งจากการสมัครสมาชิกของผู้ใช้ จะยังมีการแบ่งส่วนเงินโฆษณาผ่านทั้งในพอดแคสต์และโฆษณาในสตรีมมิ่งเพลง รวมถึงการรับเงินส่วนอื่นจากการขายสินค้าหรือการขายตั๋วเข้าร่วมกิจกรรมของนักดนตรีและนักพอดคาสต์ โดยครีเอเตอร์จะสามารถค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างรายได้จากฐานแฟน ตามความถนัดของตัวเอง
ขยายฐานผู้ใช้ ลุยพอตแคสต์พิเศษ
ความฝันในการขึ้นเป็นศูนย์กลางของการสร้างรายได้ของครีเอเตอร์ ทำให้ Spotify ต้องเร่งขยายฐานผู้ฟังอย่างก้าวกระโดด แผนการล่าสุดที่ Spotify จะใช้เพื่อขยายบริการสู่ 80 ตลาดใหม่คือการเพิ่ม 36 ภาษาที่จะรองรับการใช้งานในหลายพื้นที่ของแอฟริกา เอเชีย ละตินอเมริกา หมู่เกาะแคริบเบียนและยุโรป เช่น ปากีสถาน ศรีลังกา เกาหลี มาเก๊า กัมพูชา ไนจีเรีย แทนซาเนีย กานา บังกลาเทศ ภูฏาน ซามัว จาไมกา บาฮามาส และเบลีซ ซึ่งเมื่อรวมตลาดใหม่แล้ว Spotify จะมีให้บริการรวม 170 ประเทศทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม Spotify กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีซึ่งเปิดตัวบริการสตรีมเพลงของตัวเองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อดึงดูดความสนใจจากตลาด Spotify จึงพยายามใช้พลังของเซเลบฯ ดาวเด่นมาสร้างรายการหรือทำคอนเทนต์เพื่อให้บริการเฉพาะบน Spotify จุดนี้มีรายงานว่า บริษัทตัดสินใจใช้เงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ในการรักษาความปลอดภัยของซีรีส์ชุดรายการพอดคาสต์พิเศษของบริษัท ซึ่งรวมถึงรายการใหม่จากอดีตประธานาธิบดีบารัค และมิเชล โอบามา ที่จะจัดรายการคู่กับร็อกสตาร์อย่างบรูซ สปริงส์ทีน
Spotify ยังร่วมมือกับวอร์นอร์บราเดอร์ส (Warner Bros) และดีซี (DC) ในรายการเกี่ยวกับมนุษย์ค้างคาว Batman Unburied ยังมีพอดแคสต์ผลงานจากความร่วมมือกับ Higher Ground ดำเนินรายการโดย Misha Euceph ภายใต้ชื่อ Tell Them, I Am และผลงานแรกจาก Ava Duvernay
สำหรับนักพอตแคสต์มืออาชีพและมือสมัครเล่นทุกคนจะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือใหม่ที่ Spotify ทำกับแพลตฟอร์มสร้างพอตแคสต์ชื่อ Anchor และ Wordpress เพื่อทำให้นักสร้างพอดแคสต์มีวิธีสร้างรายได้ใหม่ โดยไม่ต้องรอแค่ส่วนแบ่งจากรายได้โฆษณาปกติ
Spotify ยังปรับการทำงานของระบบหลังบ้าน เพื่อรองรับผู้ใช้แต่ละคนอย่างจริงจัง มีการปรับระบบให้เชื่อมต่อนักสร้างสรรค์ เข้ากับนักโฆษณาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนผ่านระบบ Spotify Audience Network ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นครั้งแรกของพื้นที่สำหรับการค้าโฆษณาบนคอนเทนต์เสียง เชื่อว่าจะเพิ่มยอดการทำพอตแคสต์ท้องถิ่นได้อีกทาง
จับตา Clubhouse
สำหรับกระแสโซเชียลมีเดียเสียงอย่างคลับเฮาส์ (Clubhouse) ที่ถูกมองว่าอาจจะมาแทนที่พอตแคสต์ ซีอีโอ Spotify ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเดอะเวิร์จ ว่า พอตแคสต์มีองค์ประกอบที่แตกต่างกันหลายจุดเมื่อเทียบกับโซเชียลมีเดียอย่าง Clubhouse โดยเฉพาะการโต้ตอบระหว่างคนสองคนขึ้นไปที่กำลังคุยกัน จุดนี้ทำให้ Spotify ยอมรับว่าฟีเจอร์โซเชียลที่ผู้ใช้กับผู้ใช้โต้ตอบกัน เป็นพื้นที่น่าสนใจที่ Spotify กำลังจับตามองใกล้ชิด
ในระยะยาว ซีอีโอ Spotify ไม่เชื่อมั่นในการกำหนดเวลารับชมเนื้อหา เพราะผู้บริโภคควรสามารถบริโภคเนื้อหาใดก็ได้ที่ต้องการโดยไม่จำเป็นต้องเป็นไปตามกำหนดเวลาของคนอื่น ดังนั้น แม้ Clubhouse จะเป็นรูปแบบที่น่าสนใจมากจากมุมมองของการสร้างสรรค์ แต่ในมุมมองของการบริโภค เชื่อว่าเวลาการรับฟังจะยังคงเป็นแบบออนดีมานด์ซึ่งเป็นสิ่งที่ Spotify ยึดมั่นและทำมาตลอดในปัจจุบัน
เมื่อถามว่ากังวลไหมว่า Clubhouse จะแย่งเวลาของกลุ่มคนฟังพอดแคสต์ไป ซีอีโอ Spotify ยกคำพูดของแอนดี้ โกรฟ (Andy Grove) อดีตซีอีโอของอินเทลที่กล่าวเมื่อ 30 ปีก่อนว่า “มีเพียงผู้หวาดระแวงเท่านั้นที่อยู่รอด” โดยบอกว่าคำพูดนี้ถูกต้องแน่นอน แต่ Spotify ให้ความสำคัญกับ Clubhouse มากพอกับสื่อความบันเทิงทุกรูปแบบที่สามารถใช้ฟังเสียงแทนได้ บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการรับมือเรื่องนี้อย่างแน่นอน
ในฝั่งผู้ใช้ Spotify เดินหน้าอัปเกรดคุณภาพเสียง เพื่อให้ผู้ใช้ระบบพรีเมียมในบางพื้นที่สามารถอัปเกรดคุณภาพเสียงในโหมดไฮไฟ Spotify HiFi ได้ในปีนี้
ปัจจุบัน Spotify ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากแอปเปิล (Apple) แอมะซอน (Amazon) และกูเกิล (Google) ซึ่งได้เปิดตัวบริการสตรีมเพลงของตัวเองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของ Spotify คือแอปเปิลมิวสิค (Apple Music) ซึ่ง Spotify กำลังมีข้อพิพาทเพื่อต่อต้านการผูกขาดที่ Spotify มองว่าเป็นเรื่องไม่ยุติธรรมที่จะต้องจ่ายค่าคอมมิชชันให้แก่ Apple เมื่อผู้ใช้สมัครและชำระค่าบริการผ่าน App Store ของ Apple เรื่องนี้ถูกยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการยุโรปในเดือนมีนาคม 2019 และกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนในขณะนี้