ทวิตเตอร์ (Twitter) ขยายการติดป้ายกำกับบัญชีที่อยู่ในเครือของรัฐบาลไทย เพิ่มป้ายกำกับบัญชีที่ได้รับการยืนยันของเจ้าหน้าที่ของรัฐ บัญชีส่วนตัวของผู้นำของรัฐ พร้อมกับสื่อในเครือของรัฐใน 16 ประเทศ
แถลงการณ์ของเจ้าพ่อโซเชียลระบุว่า ทวิตเตอร์นั้นเป็นสถานที่ที่ผู้คนเข้ามาติดตามสิ่งที่เกิดขึ้น ตลอดจนติดตามข่าวสารจากทางรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐต่างๆ ทวิตเตอร์จึงเชื่อว่าความปลอดภัยและการแสดงความเห็นอย่างเสรีสามารถขับเคลื่อนไปด้วยกันได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการปฏิสัมพันธ์กับผู้นำของรัฐและสถาบันที่เกี่ยวข้อง และยังเป็นการเพิ่มบริบทให้แก่คนทั่วไปเพื่อช่วยให้สามารถได้รับทราบข้อมูลที่มากขึ้น
ดังนั้น เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ทวิตเตอร์ได้เพิ่มป้ายกำกับบัญชี เพิ่มเติมอีก 2 ประเภท ได้แก่ บัญชีผู้ใช้งานของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่สำคัญ และบัญชีที่เป็นขององค์กรสื่อในเครือของรัฐ ซึ่งรวมอยู่ในการดำเนินการเบื้องต้น โดยทวิตเตอร์ได้เริ่มติดป้ายกำกับบัญชีจากประเทศที่เป็นผู้แทนของสมาชิกถาวร 5 ประเทศของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
“จากข้อเสนอแนะที่ได้รับจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายกลุ่ม เช่น ภาคประชาสังคม นักวิชาการ และผู้ที่ใช้บริการของทวิตเตอร์ที่ผ่านมา ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ ทวิตเตอร์จะขยายการติดป้ายกำกับบัญชีจากกลุ่มประเทศ G7 และประเทศสำคัญต่างๆ ที่ทวิตเตอร์ได้เคยระบุว่ามีการดำเนินงานด้านข้อมูลซึ่งมีความเชื่อมโยงกับภาครัฐ นอกจากนี้ ทวิตเตอร์จะติดป้ายกำกับของบัญชีส่วนบุคคลของผู้นำของรัฐต่างๆ จากประเทศเหล่านี้ด้วย” แถลงการณ์ระบุ
แผนขั้นตอนทั้งหมดของทวิตเตอร์ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 (สิงหาคม 2563) สาธารณรัฐประชาชนจีน ฝรั่งเศส สหพันธรัฐรัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ขณะที่ระยะที่ 2 (วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564) แคนาดา สาธารณรัฐคิวบา เอกวาดอร์ อียิปต์ เยอรมนี ฮอนดูรัส อินโดนีเซีย อิหร่าน อิตาลี ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย สาธารณรัฐเซอร์เบีย สเปน ไทย ตุรกี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยทวิตเตอร์จะเพิ่มป้ายกำกับบัญชีทวิตเตอร์ใน 2 ประเภท คือ 1.บัญชีผู้ใช้งานที่ได้รับการยืนยันตัวตนแล้วว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่สำคัญ รวมถึงรัฐมนตรีต่างประเทศ หน่วยงานของสถาบัน เอกอัครราชทูต โฆษกรัฐบาล และผู้นำทางการทูตคนสำคัญ ในเวลานี้ทวิตเตอร์จะเน้นไปที่เจ้าหน้าที่อาวุโสระดับสูงและหน่วยงานที่เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของประเทศนั้นๆ ในต่างประเทศ และ 2.บัญชีส่วนบุคคลของผู้นำของรัฐในประเทศที่อยู่ในระยะที่ 1 และระยะที่ 2
นอกจากนี้ ทวิตเตอร์กำลังอัปเดตข้อความบนป้ายติดป้ายกำกับบัญชีเพื่อเพิ่มความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นให้แก่ป้ายกำกับบัญชี โดยการแยกความแตกต่างระหว่างบัญชีส่วนบุคคลและบัญชีขององค์กรต่างๆ และจะขยายการติดป้ายกำกับไปยังบัญชีส่วนบุคคลของผู้นำรัฐเพื่อให้ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ได้รับบริบทเพิ่มเติม
สำหรับระยะถัดไปของโครงการนี้ ทวิตเตอร์จะมีการติดป้ายกำกับเพิ่มเติมบนบัญชีที่เป็นองค์กรสื่อในเครือของรัฐซึ่งมีกำหนดการที่จะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยการดำเนินงานตามขั้นตอนอย่างรอบคอบเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถรวบรวมบัญชีที่เกี่ยวข้องได้ครบทั้งหมด
หลักการและแนวทางสำคัญของความเคลื่อนไหวนี้ แถลงการณ์ย้ำว่า ภารกิจหลักของทวิตเตอร์คือการให้บริการด้านบทสนทนาสาธารณะและส่วนที่สำคัญของงานนี้ก็คือการให้บริบทแก่ผู้คนเพื่อให้พวกเขาสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นนำไปประกอบการตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเห็นและวิธีที่พวกเขามีส่วนร่วมบนทวิตเตอร์ เพราะทวิตเตอร์มีวิธีที่ไม่มีใครเทียบได้ในการทำให้เกิดการเชื่อมต่อและพูดคุยกันกับเจ้าหน้าที่รัฐและตัวแทนต่างๆ ได้โดยตรง
ทวิตเตอร์จะใช้วิธีกำหนดการติดป้ายกำกับบัญชีของหน่วยงานรัฐโดยมุ่งเน้นไปที่บัญชีของเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ผู้นำของรัฐ และหน่วยงานซึ่งเป็นตัวแทนของภาครัฐในต่างแดน โดยเฉพาะบัญชีที่ตรงกับประเภทดังที่กำหนดข้างต้น ทวิตเตอร์เชื่อว่ากระบวนการนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญเพราะเมื่อผู้คนทั่วไปได้เห็นบัญชีที่มีป้ายกำกับกำลังพูดคุยถึงปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศอื่น ก็จะทำให้คนได้รับบริบทที่มีความเกี่ยวเนื่องระดับชาติและได้รับข้อมูลว่าบัญชีนั้นๆ เป็นตัวแทนขององค์กรใดได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ทวิตเตอร์ยังสนใจถึงบัญชีของผู้ที่อยู่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ภายใต้การบริหารงานของผู้นำรัฐที่นำเสนอมุมมองนโยบายในต่างประเทศ
“และเพื่อให้สาธารณชนได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น เมื่อคลิกที่ป้ายกำกับของบัญชีนั้นๆ จะลิงก์ไปยังบทความที่อธิบายถึงนโยบายและมีการอ้างอิงถึงรายงานด้านความโปร่งใสของทวิตเตอร์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม” แถลงการณ์ย้ำ
ทวิตเตอร์ระบุว่า จะส่งการแจ้งเตือนไปยังบัญชีที่ได้รับป้ายกำกับ และเจ้าของบัญชีสามารถส่งฟีดแบ็กให้แก่ทีมงานของทวิตเตอร์ได้โดยตรง สำหรับก้าวต่อไป หากการดำเนินการดังกล่าวในกลุ่มประเทศในเฟสที่ 2 เสร็จสิ้นแล้ว ทวิตเตอร์จะดำเนินการพิจารณาเฟสต่อไปซึ่งเป็นบัญชีขององค์กรสื่อในเครือของรัฐทันที และจะพยายามพิจารณาขยายการติดป้ายกำกับในกลุ่มประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม ตลอดจนดำเนินการอัปเดตเพิ่มเติมว่าแผนดังทั้งหมดนี้ดำเนินการได้ผลอย่างไร