เจ้าพ่อวงการโทรคมนาคมโลกย้ำในรายงานอีริคสัน โมบิลิตี้ รีพอร์ท (Ericsson Mobility Report) ฉบับอัปเดตล่าสุดเดือนพฤศจิกายน 63 ว่า 5G วันนี้ไม่ได้เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายในฝันอีกต่อไป แต่กำลังเข้าสู่เฟสใหม่ที่จะขยายตัวเต็มที่แบบจับต้องได้
อีริคสันสรุปชัดในรายงานว่า ชาวโลกประมาณ 1 พันล้านคนจะสามารถเข้าถึงเครือข่าย 5G ภายในสิ้นปีนี้ และคาดว่าผู้สมัครใช้บริการ 5G จะแตะ 220 ล้านคน ก่อนจะเติบโตถึง 3.5 พันล้านคนในปี 69
ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจากคำประเมินเมื่อ 5 เดือนก่อนหน้านี้ (มิถุนายน 63) ที่อีริคสันฟันธงว่าจะมีผู้สมัครใช้บริการ 5G ราว 190 ล้านคนในปี 63 และจะเติบโตเป็น 2.8 พันล้านรายภายในสิ้นปี 68 ทั้งหมดนี้เพิ่มจากที่อีริคสันเคยประเมินไว้ในรายงานปี 62 ซึ่งระบุว่า ภายใน 5 ปีข้างหน้า จำนวนผู้ใช้ 5G ทั่วโลกจะเพิ่มเป็น 1.9 พันล้านรายเท่านั้น
ตลาดผู้ใช้ 5G ที่พุ่งกระฉูดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดทั่วโลกของโควิด-19 ‘นาดีน อัลเลน’ ประธานบริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของผู้ใช้ 5G เป็นผลจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งการอัปเดตเทคโนโลยีของอุปกรณ์ เครือข่าย รวมถึงความเคลื่อนไหวของโอเปอเรเตอร์ที่มีแนวโน้มว่าบริการ 5G จะมีราคาลดลง รวมถึงราคาเครื่องมือถือ 5G ที่อาจต่ำกว่า 300 เหรียญสหรัฐโดยเฉลี่ย (ราว 9,000 บาท) ในปัจจุบัน
“ผลการสำรวจนี้ไม่ได้เชื่อมกับโควิด-19 โดยตรง แต่เพราะโควิด-19 เป็นสถานการณ์ที่เห็นได้ทั่วโลก รายงานจึงพบผลกระทบบางส่วนด้วย เช่น การสำรวจที่พบว่าผู้บริโภครู้สึกไม่อยากจ่ายเพิ่มเพื่อรับบริการ 5G ที่ดีกว่า แต่การสำรวจก็พบการลดลงในระดับเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่ปัจจัยบวกทำให้เห็นการเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 220 ล้านรายมีความเด่นชัดมากกว่า เพราะแต่ละประเทศเดินหน้าพัฒนา 5G มากขึ้น ทำให้การสำรวจนี้ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยอื่นมากกว่าจากโควิด-19 อย่างเดียว”
ในภาพรวม รายงานฉบับปรับล่าสุดพยายามฉายภาพถึงพัฒนาการ 5G โลกในเฟสใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ‘เฟรดริก เจดลิง’ EVP และหัวหน้าเครือข่ายของอีริคสัน ระบุในรายงานฉบับเต็มว่า 5G กำลังเข้าสู่ระยะถัดไปเพราะอุปกรณ์และแอปพลิเคชันใหม่เริ่มสะท้อนประโยชน์สูงสุดจาก 5G ในขณะที่ผู้ให้บริการยังคงสร้างและพัฒนาเครือข่าย 5G แบบไม่หยุด สอดคล้องกับการที่ผู้ใช้มองเครือข่ายมือถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญสำหรับชีวิตประจำวันหลายด้าน และ 5G จะเป็นกุญแจสำคัญในความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจในอนาคต
รายงานฉบับเต็มมีการระบุว่า ตัวเลขคาดการณ์เกี่ยวกับการสมัครใช้บริการ 5G ในปีนี้เพิ่มขึ้นชัดเจนเนื่องจากการใช้งานในประเทศจีนขยายตัวเร็วกว่าที่คาดไว้ ขณะเดียวกัน ก็ย้ำว่าโดยรวมแล้วการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือสุทธิในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้อยู่ในระดับต่ำ (ราวประมาณ 11 ล้านคน) ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการแพร่ระบาดและล็อกดาวน์ ทำให้อีริคสันปรับตัวเลขยอดการสมัครสมาชิกบริการโทรศัพท์มือถือทั่วโลกลงเล็กน้อยในระยะยาว (ครอบคลุมทุกรุ่นมือถือ) คาดว่าจะมีจำนวน 8.8 พันล้านรายภายในสิ้นปี 2569 ซึ่งในจำนวนนี้เองที่คาดว่าจะมีการเชื่อมต่อ 5G ประมาณ 3.5 พันล้านคน
สิ่งสำคัญจากบทสรุป 5G เฟสใหม่ของอีริคสัน คือ LTE จะยังคงเป็นเทคโนโลยีเครือข่ายมือถือที่โดดเด่นในช่วงคาดการณ์จนถึงปี 2569 โดยคาดว่าการสมัครสมาชิก 4G จะพีกสูงสุดในปีหน้า จากนั้นจะลดลงอย่างช้าๆ ต่อเนื่องเพราะผู้คนจำนวนมากย้ายไปใช้ 5G
ภายในสิ้นปี 2563 อีริคสันคาดการณ์ว่าจะมีการสมัครใช้บริการดาต้าสำหรับสมาร์ทโฟนทั่วโลกราว 6.1 พันล้านคน ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 7.5 พันล้านคนภายในปี 2569 คาดว่าการสมัครใช้บริการฟิกซ์บรอดแบนด์แบบประจำที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 4% ต่อปีจนถึงปี 2569 อีริคสันคาดว่าปริมาณการใช้งานฟิกซ์ไวร์เลส (Fixed Wireless Access) หรือ FWA จะคิดเป็น 25% ของปริมาณการใช้ข้อมูลเครือข่ายมือถือทั้งหมดภายในปี 2569
ในปี 2569 คาดว่า 60% ของประชากรทั่วโลกจะสามารถเข้าถึงระบบเครือข่าย 5G โดยมีปริมาณดาต้าอินเทอร์เน็ต 5G เกินกว่า 50% ของปริมาณดาต้าทั้งหมดในเวลานั้น สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย เทคโนโลยี 5G จะกลายเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 รองจาก LTE โดยมียอดผู้ใช้งานกว่า 380 ล้านราย หรือคิดเป็น 32% ของจำนวนผู้ใช้มือถือทั้งหมด จำนวนผู้ใช้ 5G เพิ่มขึ้นเป็น 32% ของจำนวนผู้ใช้มือถือทั้งหมดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย ถือว่ายังน้อยเมื่อเทียบกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือที่มีสัดส่วน 66%, ยุโรปตะวันตก 68% และ 80% ในอเมริกาเหนือ
อีริคสันยังตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการพัฒนาอุปกรณ์ 5G และความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ โดยบอกว่าปีหน้าจะมีการเปิดตัวเครือข่าย 5G แบบสแตนด์อะโลนในบางประเทศ ขณะที่การรองรับอุปกรณ์คลื่นมิลลิเมตรกำลังขยายตัว (millimeter-wave device) และความก้าวหน้าของเครือข่าย เช่น การรวมคลื่นของผู้ให้บริการ (New Radio) ล้วนมีส่วนช่วยเร่ง 5G ให้เข้าสู่เฟสใหม่ได้จริงในช่วงหมดปี 63
***เจาะลึกตลาดไทย
นาดีน กล่าวว่า 5G จะเพิ่มศักยภาพบริการดิจิทัลและการใช้งานรูปแบบต่างๆ ที่มีอยู่ เช่น การสตรีมวิดีโอ สตรีมมิ่งกีฬา เกมบนมือถือและบริการสมาร์ทโฮมหรือบ้านอัจฉริยะ ขณะที่ในภาคอุตสาหกรรม ดาวรุ่ง Top 3 ที่มีการเติบโตมากที่สุดในไทยตลอดยุค 5G คือการผลิต ยานยนต์ และพลังงาน
ความน่าสนใจคือเฉพาะ Augmented Reality (AR) เพียงอย่างเดียวก็มีแนวโน้มที่เป็นตัวสร้างรายได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้จากสื่อต่างๆ ทั้งหมดของผู้ให้บริการเมื่อเทียบกับบริการอื่นๆ เช่น เกมบนคลาวด์ คอนเทนต์แบบเสมือนจริงหรือ VR และบริการดิจิทัลในสถานที่ อีริคสันยังเชื่อว่าการเล่นเกมแบบ AR จะเป็นตัวขับเคลื่อนเริ่มต้นหลักให้แก่ AR โดยที่การใช้งานแอปพลิเคชันอื่นๆ สำหรับ AR เช่น การรับชมโทรทัศน์และวิดีโอ การใช้งานในบ้าน โรงเรียนและเพื่อการศึกษาจะตามมา ขณะที่ผู้บริโภคในประเทศไทยได้เริ่มสัมผัสกับประโยชน์เด่นๆ ที่สำคัญของ 5G เป็นชาติแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อีริคสันประเทศไทยระบุว่า กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลไทยตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดของระบบนิเวศในประเทศไทยเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัลของประเทศที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม 4.0 และ 5G สำหรับผู้ใช้ระดับองค์กร
อีริคสันยังย้ำว่า ความสำเร็จของ 5G ในตลาดผู้บริโภคจะมีความสำคัญต่อผู้ให้บริการ เพราะจะสนับสนุนการขยายเครือข่ายเพื่อให้สามารถกำหนดเป้าหมายการใช้งานรูปแบบใหม่ๆ สำหรับอุตสาหกรรมและองค์กรต่างๆ ได้
สำหรับปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือในภาพรวมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ในช่วงคาดการณ์มีอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 33% และคาดว่าในปี 2569 จะเพิ่มสูงขึ้นถึง 32 เอกซะไบต์ (Exabyte) ต่อเดือน หรือราว 33 กิกะไบต์ (Gigabyte) ต่อเดือนต่อสมาร์ทโฟน
การสำรวจยังพบว่า มีการเปิดตัวบริการ 5G เชิงพาณิชย์จำนวนมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประเทศไทย และการเปิดประมูลคลื่นความถี่ที่กำลังจะมีขึ้นในปีหน้าที่เวียดนามและมาเลเซีย ซึ่งจะทำให้ระบบเครือข่าย 5G มีการเปิดใช้งานมากขึ้นเพิ่มเติม
ในรายงาน Ericsson Mobility Report ระบุถึงความสำเร็จของ 5G ที่ไม่ได้ลิมิตแค่จำนวนตัวเลขของผู้ใช้งานและความครอบคลุมของสัญญาณที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการนำ 5G ไปเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ธุรกิจและแอปพลิเคชันใหม่ๆ ซึ่งได้เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ การเล่นเกมบนคลาวด์ (Cloud Gaming) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหมวดหมู่ของแอปพลิเคชันเกิดใหม่ ด้วยความสามารถของระบบเครือข่าย 5G และเทคโนโลยีเอดจ์คอมพิวติ้งทำให้บริการสตรีมเกมบนสมาร์ทโฟนเข้าถึงประสบการณ์ที่มีคุณภาพ (QoE) เทียบเท่ากับการเล่นบนเครื่องพีซีหรือคอนโซล เปิดโอกาสให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมเกมที่มีความล้ำสมัย สมจริงในแบบโมบิลิตี
ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับรายงานอีกฉบับ “Harnessing the 5G Consumer Potential” จากอีริคสัน คอนซูเมอร์ แล็บ ที่คาดการณ์ว่าในปี 2573 ตลาด 5G ของผู้บริโภคทั่วโลกจะมีมูลค่าราว 31 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSPs) ทั่วโลกจะสร้างรายได้จากการให้บริการ 5G สูงถึง 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีแนวโน้มสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกหากมีบริการดิจิทัลใหม่ๆ เกิดขึ้นตามมา
จากรายงานมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2573 ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โอเชียเนียและอินเดียจะสร้างรายได้จากกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้ระบบเครือข่าย 5G รวมอยู่ที่ 297 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่สำคัญ คาดว่า 79% ของรายได้ที่เกิดจากบริการดิจิทัล 5G ของผู้ให้บริการทั้งหมด (ประมาณ 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จะมาจากบริการทางด้านวิดีโอและเพลงที่มีความคมชัดและคุณภาพเสียงระดับไฮไฟ (Hi-Fi) บริการดิจิทัล 5G อื่นๆ ได้แก่ วิดีโอ เพลง เกม AR และ VR รวมถึงบริการ IoT สำหรับผู้บริโภค