LINE สรุปวิวัฒนาการแอปในปี 2563 หลังวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งาน เพื่ออัปเดตฟีเจอร์ให้รับกับ New Normal ให้แก่ผู้ใช้งานในไทยกว่า 47 ล้านราย
ในปี 2563 เพียงปีเดียว LINE ได้พัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติมใน LINE Chat เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนมากมายที่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ต่างๆ ตลอดปี ไม่ว่าจะเป็นในช่วงแรกของสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 LINE ยังคงทำหน้าที่เป็นช่องทางการสื่อสาร อัปเดตข้อมูลสถานการณ์ให้คนไทยได้เป็นอย่างดีผ่าน “โควิด-19 อินโฟ ฮับ” ในรูปแบบ Mini App ในหน้า Home และบน LINE Thailand Official Account เน้นให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลโควิด-19 ได้สะดวก ครบครัน และรวดเร็ว
พร้อมเป็น “นักปฏิวัติฉีกกฎเดิม” ด้วยการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการสื่อสารช่วงกักตัว เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย ด้วยการเพิ่มฟังก์ชัน Explore ในหน้า Timeline เพื่อเป็นหน้าแสดงผลโพสต์ต่างๆ ตามความสนใจของผู้ใช้ให้เลือกกดติดตามได้ตามใจชอบ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนกันใน LINE สร้างอิสระให้แก่ผู้ใช้ แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นส่วนตัว และในเวลาต่อมา LINE ยังเพิ่มลูกเล่นความ “ทันสมัยไม่หลุดเทรนด์” ด้วย LINE Avatar ฟีเจอร์สร้างคาแร็กเตอร์เสมือนจริงทั้งแบบนิ่งและเคลื่อนไหว ไว้สร้างสีสันในแชตและบนโลกโซเชียลไปกับความล้ำด้วยเทคโนโลยี AR เป็นต้น
ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้ผู้ใช้งานพูดถึง LINE Chat มากที่สุด หนีไม่พ้นบทบาท “ออฟฟิศเสมือนจริง” ด้วยข้อจำกัดในการทำงานช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา พฤติกรรม Work from Home ทำให้ผู้คนหันมาใช้เครื่องมือดิจิทัล ทดแทนการทำงานในสำนักงานและใช้สำหรับธุรกิจมากขึ้น ซึ่งหลายฟังก์ชันถูกพัฒนาให้โดนใจและดีกว่าเดิม
ไม่ว่าจะเป็น LINE Meeting ฟีเจอร์อำนวยความสะดวกในการประชุมออนไลน์ ชวนชาวออฟฟิศสร้างลิงก์ส่งให้เข้าร่วมประชุมได้ง่ายๆ พร้อมเอฟเฟกต์ ฟิลเตอร์มากมายเปลี่ยนรูปแบบการประชุมงานผ่าน LINE ให้สะดวก รวดเร็วและมีสีสันมากขึ้น หรือแม้แต่ Keep Memo ห้องแชตส่วนตัว สำหรับเก็บบันทึกข้อมูลหลายรูปแบบ โดยสามารถแชร์จากห้องแชตอื่นมาเก็บไว้ดูคนเดียวภายหลังได้ อีกทั้งการปรับโฉมหน้า Home & Wallet ยิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ LINE เข้าถึงข้อมูลและบริการต่างๆ ทั้งในด้านไลฟ์สไตล์และการใช้จ่ายสะดวกและง่ายขึ้นไปกว่าเดิม
อีกหนึ่งการพัฒนาเพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งด้านการสื่อสารของ LINE Chat ก็คือ LINE Call ทั้งการใช้งาน Voice call และ VDO call ที่มียอดการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์เพิ่มมากขึ้นเกิน 200% เมื่อเทียบเดือน ม.ค. และ มี.ค.2563 แต่นั่นก็ไม่ทำให้ LINE หยุดพัฒนานวัตกรรมต่อยอด เพราะช่วงกลางปีที่ผ่านมา LINE ส่งฟีเจอร์ Watch Together ให้แชร์หน้าจอหรือดูวิดีโอยูทูปพร้อมกันใน LINE Group Call ได้ และเพิ่มจำนวนคนรองรับ LINE Call ได้มากสุดถึง 500 คน
ทั้งฐานผู้ใช้งานจำนวนมาก ความถี่การเข้าใช้งานในอัตราสูง และการพัฒนานวัตกรรมอย่างไม่หยุดนิ่ง ตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา กล่าวได้ว่า LINE ได้กลายเป็นเหมือนปัจจัย 5 ในการใช้ชีวิตของคนไทย ด้วยการเป็นช่องทางสำคัญทำให้การใช้ชีวิตในยุค New Normal ง่ายและสะดวกขึ้น ลดช่องว่างและเชื่อมโยงคนไทยให้เข้าถึงข้อมูล บริการต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา ทำให้ LINE กลายเป็นแพลตฟอร์มที่เข้าใจคนไทย และพร้อมเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการดำเนินชีวิต (Life Infrastructure) ที่จะตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ของคนไทยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไปอย่างแน่นอน และในเร็วๆ นี้ LINE จะมีการปรับปรุง UI (User Interface) โดยปรับเปลี่ยนตำแหน่งฟังก์ชันการใช้งานบางจุดและสีพื้นของแอปให้ผู้ใช้สะดวกและเห็นง่ายขึ้นอีกด้วย