หัวเว่ย (Huawei) เปิดตัว Mate 40 ซีรีส์ ชูความโดดเด่นของกล้องสมาร์ทโฟนที่ร่วมมือกับไลก้าเช่นเดิม ตัวเครื่องมากับชิปเซ็ตใหม่ Kiron 9000 ที่ระบุว่า เป็นชิปเซ็ต 5G บนสถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตรรุ่นแรกบนแอนดรอยด์โฟน พัฒนาระบบชาร์จเร็ว 66W ชาร์จไร้สาย 50W
สำหรับ Huawei Mate 40 ซีรีส์ ประกอบไปด้วย Mate 40 Mate 40 Pro และ Mate 40 Pro Plus และ Mate 40 RS โดยมีโอกาสที่จะนำ Mate 40 Pro 5G มาเป็นรุ่นแรกที่เข้ามาทำตลาดในไทย
จุดเด่นของ Mate 40 Pro คือ มากับหน้าจอขนาด 6.76 นิ้ว ความละเอียด FullHD+ อัตราการแสดงผล (Refresh Rate) 90 Hz ที่รองรับความไวในการสัมผัสสูงถึง 240 Hz เข้ามาช่วยให้การตอบสนองรวดเร็วขึ้น มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
ในส่วนของชิปเซ็ต 5G ที่เลือกนำมาคือ Kirin 9000 ซึ่งเป็นซีรีส์ใหม่ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตร RAM 8 GB และเพิ่มเป็น 12 GB ในรุ่น Mate 40 Pro Plus พื้นที่เก็บข้อมูล 256 GB
นอกจากนี้ ยังมีการนำกล้องหลัก 50 ล้านพิกเซลมาใช้งาน พัฒนาขึ้นจาก P40 Pro ที่ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล มีขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้น มาพร้อมกล้องมุมกว้าง 20 ล้านพิกเซล และกล้องซูม 12 ล้านพิกเซล ช่วยให้สามารถซูมภาพระยะไกลได้ 50 gmjk ส่วนกล้องหน้าเป็นกล้องคู่ 13 ล้านพิกเซล และ 3D ToF ทำให้ใช้ใบหน้าปลดล็อกแบบ 3 มิติได้
แบตเตอรี่เป็นอีกจุดที่ Huawei มีการพัฒนาขึ้น แม้ว่าจะให้แบตเตอรี่มาขนาดใหญ่ขึ้น 4,400 mAh แต่มีการนำเทคโนโลยีชาร์จเร็วอย่าง Huawei SuperCharge 66W และ Wireless Huawei SuperCharge 50W เป็นรุ่นแรกของโลก
ส่วนรุ่นน้องอย่าง Mate 40 จะมีขนาดหน้าจอที่เล็กลงเหลือ 6.5 นิ้ว ชิปเซ็ต Kirin 9000E ที่ปรับลดสเปกลงเล็กน้อย โดยยังได้กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องมุมกว้าง 16 ล้านพิกเซล และเทเลโฟโต้ 8 ล้านพิกเซล ที่ปรับลดลงมาเล็กน้อย
ในขณะที่รุ่นใหญ่อย่าง Mate 40 Pro Plus จะเพิ่มในส่วนของกล้องเลนส์เทเลโฟโต้เป็น 2 เลนส์ ที่มีเลนส์ Periscope 8 ล้านพิกเซล และ 12 ล้านพิกเซล Telephoto มาทำงานร่วมกันให้ได้ระยะซูมแบบออปติคัลถึง 17 เท่า
สำหรับราคาจำหน่ายของ Mate 40 Pro Plus เริ่มที่ 1,399 ยูโร หรือราว 52,000 บาท ส่วน Mate 40 Pro อยู่ที่ 1,199 ยูโร ราว 44,000 บาท Mate 40 อยู่ที่ 899 ยูโร หรือประมาณ 33,000 บาท ส่วนรุ่นพิเศษอย่าง Mate 40 RS อยู่ที่ 2,295 ยูโร หรือราว 85,000 บาท
ทั้งนี้ Huawei Mate 40 ซีรีส์ ยังทำงานบนพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Android ครอบด้วยอินเตอร์เฟส Huawei EMUI ที่ทำงานร่วมกับ Huawei Mobile Server ซึ่งสามารถโหลดแอปได้ผ่าน Huawei App Gallery และยังไม่สามารถใช้งาน Google Mobile Service ได้เช่นเดิม