หัวเว่ยเผยเทรนด์ใหม่ของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล หรือดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันในภาคอุตสาหกรรม หวังให้เกิดอีโคซิสเต็มที่แข็งแกร่งและโซลูชันสำหรับใช้งานเฉพาะในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อสังคมอัจฉริยะในอนาคตของภูมิภาค ระบุงบประมาณทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันในเอเชียแปซิฟิกทะลุ 380,000 ล้านดอลลาร์แล้วเรียบร้อยในปี 62
นายเจย์ เฉิน (Jay Chen) รองประธานหัวเว่ยเอเชียแปซิฟิก กล่าวที่งานประชุมสุดยอด HUAWEI CONNECT 2020 ที่ผ่านมา ว่าเทรนด์ใหม่นี้คือกระบวนทัศน์ที่ปรับใหม่จะประกอบด้วย อีโคซิสเต็มดิจิทัลที่สร้างและแบ่งปันมูลค่าให้แก่ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วยการทำงานผสานกันผ่านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ เทคโนโลยีประมวลผลคอมพิวเตอร์ Cloud ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแอปพลิเคชันต่างๆ ในภาคอุตสาหกรรม
“ในปี 2020 เมื่อโครงข่าย 5G แพร่หลายทั่วโลก เทคโนโลยีการเชื่อมต่อคลาวด์ AI เทคโนโลยีประมวลผลคอมพิวเตอร์ และแอปพลิเคชันต่างๆ ของภาคอุตสาหกรรมล้วนผสานกันและสร้างโอกาสนานัปการอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ให้แก่การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การผสาน 5 ขอบข่ายเทคโนโลยีนี้จะเปลี่ยนแปลงทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคม การเงิน หรือพลังงาน และสร้างมูลค่าใหม่ให้แก่ภูมิภาคของเรา”
ทั้งนี้ ข้อมูลจากเอกสาร IDC Worldwide Semiannual Digital Transformation Spending Guide ระบุว่า ในปี 2562 ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกใช้จ่ายงบประมาณไปกับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลมากกว่า 380,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าอัตราเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีแบบสะสม (CAGR) ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปี 2565 จะอยู่ที่ 17.4%
“ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตด้านเศรษฐกิจเร็วที่สุดในโลก อีกทั้ง 60% ของประชากรโลกและ 50% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกอยู่ในภูมิภาคนี้ ภูมิภาคของเราไม่เพียงเป็นผู้นำด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลของโลก แต่ยังมีโอกาสมหาศาลที่จะพัฒนาอย่างก้าวกระโดดด้วยการผสานเทคโนโลยีสำคัญใหม่ๆ เหล่านี้เข้าด้วยกัน” นายเจย์ เฉิน กล่าว
หัวเว่ยย้ำว่า บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และยังคงเดินหน้าสร้างอีโคซิสเต็มในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่องผ่านหลากหลายโครงการ เช่น ภายในงาน Asia Pacific Ascend Ecosystem Online Forum หัวเว่ยได้เผยรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ APAC Ascend Partner Program ที่มีเป้าหมายในการสร้างอีโคซิสเต็มของ AI ที่พร้อมทั้งนวัตกรรมและมีความยั่งยืน โครงการดังกล่าวเข้าถึงพาร์ตเนอร์ด้านซอฟต์แวร์ (ISV) มากกว่า 100 ราย รวมถึงการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือถึง 27 ครั้ง กับสถาบันอุดมศึกษาและองค์กรรัฐบาลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วยเช่นกัน
ยังมีโครงการ Spark ที่จัดขึ้นเพื่อบริษัทสตาร์ทอัปด้านเทคโนโลยี ได้ต่อยอดเป็นโครงการ Brilliant Plan ที่เชื่อมต่อบริษัทอินเทอร์เน็ตและผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมระดับโลกเข้ากับศูนย์ 5G Ecosystem Innovation Center เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้เทคโนโลยี 5G ในภาคอุตสาหกรรม นอกจากนั้น หัวเว่ยยังสร้างโครงข่ายเพื่อสนับสนุนอีโคซิสเต็ม 5G จาก 5 ขอบข่ายเทคโนโลยีหลักในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกด้วย
ด้านการแก้ไขปัญหาภาคแรงงานของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หัวเว่ยได้ริเริ่มหลายโครงการ เช่น การจัดตั้ง HUAWEI ASEAN Academy ในประเทศมาเลเซีย และ AI Academy ในประเทศสิงคโปร์ เพื่อให้บริการด้านการศึกษาและบ่มเพาะบุคลากรด้านไอซีที โดยในปัจจุบันหัวเว่ยมีศูนย์การเรียนรู้กว่า 103 แห่งในภูมิภาค ซึ่งนายเจย์ เฉิน ได้เผยถึงเป้าหมายการพัฒนาบ่มเพาะบุคลากรไอซีทีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้ได้อย่างน้อย 200,000 คน ภายในระยะเวลา 5 ปี ผ่านโครงการฝึกอบรมเหล่านี้ของหัวเว่ย
“หัวเว่ยเชื่อว่าการทำงานร่วมกันระหว่างขอบข่ายเทคโนโลยีสำคัญทั้ง 5 ไม่เพียงแต่จะสร้างโอกาสสำหรับหัวเว่ย แต่ที่สำคัญคือเป็นการกระจายโอกาสสู่ทุกภาคส่วน เราหวังที่จะเติบโตไปพร้อมๆ กับพาร์ตเนอร์ และทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์จากมูลค่าใหม่นี้” นายเจย์ เฉิน กล่าว