"พุทธิพงษ์" ปลื้ม 2 กลุ่มบริษัทสนใจลงทุนโครงดิจิทัล พาร์ค ไทยแลนด์ คาดได้ผู้ชนะปลายปีนี้
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ภายใน 2 เดือน คาดว่าจะสามารถประกาศเงื่อนไขการลงทุน (ทีโออาร์) เพื่อเชิญชวนบริษัทเข้ามายื่นข้อเสนอประมูลเป็นบริษัทบริหารจัดการพื้นที่โครงการดิจิทัล พาร์ค ไทยแลนด์ พื้นที่ 700 ไร่ ตั้งอยู่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจแล้ว 2 กลุ่มบริษัท คาดว่าจะได้ผู้ชนะปลายปีนี้
ทั้งนี้ กระทรวงดีอีเอสได้เดินหน้าเจรจาหาลูกค้าต่างชาติให้แก่ผู้ชนะการประมูลรอไว้แล้ว โดยเป็นบริษัทจากประเทศสหรัฐอเมริกา 2 บริษัท มูลค่าการลงทุนบริษัทละ 3-4 หมื่นล้านบาท ดังนั้น จึงกลายเป็นแรงจูงใจให้มีกลุ่มบริษัทสนใจเข้ามายื่นซองประมูล ทำให้มั่นใจได้ว่ากระทรวงดีอีเอสจะเดินหน้าโครงการนี้อย่างจริงจัง นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มว่ารถไฟฟ้ารางเดี่ยวจะมีการสร้างเชื่อมต่อจากสถานีรถไฟความเร็วสูง สถานีศรีราชา มายังโครงการดิจิทัล พาร์ค
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ในพื้นที่ด้านหน้าของโครงการ กระทรวงดีอีเอสก็มีโครงการไทยแลนด์ ดิจิทัล วัลเลย์ งบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 30 ไร่ ที่ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ดำเนินการ ขณะนี้อาคารแรก งบประมาณ 48 ล้านบาท พื้นที่ 1,500 ตารางเมตร สำหรับบริษัทที่สนใจเช่าเป็นสาขาได้ดำเนินการสร้างเสร็จสิ้นแล้ว และมีผู้เข้าจองพื้นที่เป็นสตาร์ทอัปเต็มพื้นที่แล้ว ขณะที่ยังคงเหลือบริษัทที่รอการเช่าอีก 10 บริษัท ซึ่งคาดว่าจะมาใช้อาคารที่ 2 ในพื้นที่ 45,000 ตารางเมตร งบประมาณ 168 ล้านบาท คาดว่าจะเสร็จภายในเดือน ก.ค.2564 ซึ่งเปิดพื้นที่ในการทำงาน ทดลอง ทดสอบทั้งเทคโนโลยีเอไอ และบล็อกเชน
ส่วนอาคารที่ 3 งบประมาณ 1,300 ล้านบาท พื้นที่ 40,000 ตารางเมตร อยู่ระหว่างการเปิดประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้าง ขณะที่ดีป้าจะเริ่มโรดโชว์ให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะการเป็นแล็บในการพัฒนาแอปพลิเคชัน 5G ให้มีสินค้าออกสู่ตลาด ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีวีอาร์ หรือเออาร์ ตลอดจนบริษัทดิจิทัล คอนเทนต์ มาใช้สำนักงานในประเทศไทยด้วย เป็นต้น ทั้งนี้ ประเทศไทยต้องแข่งขันดึงนักลงทุนต่างชาติกับประเทศเวียดนาม และมาเลเซียให้ได้ ดังนั้นประเทศไทยจะสู้ได้ก็ต้องมีการพัฒนาบุคลากรมารองรับงานดิจิทัลที่คาดว่าจะมีความต้องการสูงขึ้นด้วย
ขณะที่อาคารที่ 4 และ 5 จะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2565 ด้วยงบประมาณอาคารละ 800 ล้านบาท พื้นที่อาคารละ 20,000 ตารางเมตร โดยอาคารที่ 4 เป็น Digital Edutainment Centre มีพื้นที่ให้ทดสอบทดลองและจัดกิจกรรม ส่วนอาคารที่ 5 เป็น Digital Go Global Centre เป็นพื้นที่รองรับดิจิทัล สตาร์ทอัป และเป็นสำนักงานและมีพื้นที่โคเวิร์กกิ้ง สเปซ รวมถึงเป็นพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมด้วย