กลุ่มทรู รายงานผลการดำเนินงาน รายได้จากการให้บริการในธุรกิจหลักเติบโต 4% ผลักดันรายได้จากการให้บริการรวมให้เติบโต 2% จากปีก่อนหน้า เป็น 2.66 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2563 แม้ได้รับผลกระทบเต็มไตรมาสจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลให้รายได้ทรูวิชั่นส์อ่อนตัวลง พร้อมเดินหน้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว เพิ่มการขายผ่านช่องทางออนไลน์เป็น 20%
ทั้งนี้ ทรูมูฟ เอช เติบโตเหนืออุตสาหกรรมต่อเนื่อง โดยเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่มีรายได้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สวนทางกับผู้ให้บริการรายอื่นในอุตสาหกรรมที่รายได้จากการให้บริการหดตัวลงทั้งจากไตรมาสก่อนและปีก่อนหน้า อีกทั้งมีการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ EBITDA เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อนเป็น 9.2 พันล้านบาท หรือ 1.31 หมื่นล้านบาท หากรวมผลกระทบจากการปรับมาใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ (TFRS16) กลุ่มทรูรายงานกำไรสุทธิประมาณ 1.3 พันล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2563 และจะมุ่งเน้นการบริหารค่าใช้จ่ายรวมทั้งเพิ่ม productivity ในทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างกำไรที่เติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่บริษัทต่อไป
นายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มทรูเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งด้าน EBITDA และรายได้จากการให้บริการ โดยเฉพาะทรูมูฟ เอช ที่เติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งความต้องการใช้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง จนทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ได้รับผลกระทบทั้งไตรมาสจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทุกบริการของการสื่อสารโทรคมนาคมได้เพิ่มบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงผู้คนและส่งเสริมวิถีชีวิตแบบใหม่ หรือ New Normal ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เติมเต็มพฤติกรรมการทำงานที่บ้าน การเรียนระยะไกล การรับชมความบันเทิง และการใช้งานธุรกรรมดิจิทัลได้แบบทุกที่ทุกเวลา
กลุ่มทรูสามารถปรับตัวให้เข้ากับแนวโน้มวิถีชีวิตแบบใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้ตรงจุด โดยมุ่งเน้นเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าและบริการ นำเสนอบริการด้านดิจิทัลครบวงจร รวมถึงแคมเปญสิทธิประโยชน์หลากหลายที่ช่วยเพิ่มความผูกพันของลูกค้ามากยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน ระบบนิเวศและแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ครอบคลุมและครบครันของกลุ่มทรู ตลอดจนความร่วมมือกับภาครัฐบาลและภาคธุรกิจในการพัฒนาเทคโนโลยี 5G เทคโนโลยีคลาวด์และโซลูชันดิจิทัล ช่วยสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมในองค์รวม และเป็นปัจจัยเร่งการเติบโตให้แก่กลุ่มทรู สิ่งเหล่านี้ รวมกับความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยวางรากฐานการเติบโตอย่างมั่นคงให้แก่ธุรกิจของกลุ่มทรู
นายสฤษดิ์ จิณสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของกลุ่มทรูในการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าและการเพิ่มคุณภาพเครือข่ายที่มีอยู่ทั่วประเทศเห็นผลลัพธ์ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้ทรูมูฟ เอช ยังคงเป็นผู้นำการเติบโตของอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ และเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ความเป็นผู้นำบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตของทรูออนไลน์มากยิ่งขึ้น
ทั้ง 2 ธุรกิจได้รับการยอมรับจากหลายสถาบัน ทั้งด้านการเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตมือถือที่ดีที่สุดจาก nPerf ต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน และยังได้คะแนนสูงสุดจาก OpenSignal ในด้านประสบการณ์การรับชมวิดีโอและความเร็วในการอัปโหลด รวมถึงตำแหน่งแบรนด์อันดับ 1 ในใจคนไทยสำหรับปี 2019-2020 ในหมวดบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตจาก Marketeer ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6
นอกจากนี้ กลุ่มทรูมุ่งยืนหยัดที่จะร่วมนำพาประเทศให้ข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน ผ่านการขยายเครือข่ายสัญญาณ 5G ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ตัวเมืองและพื้นที่สำคัญทั่วทั้ง 77 จังหวัดแล้ว การอัปเกรดเทคโนโลยีเป็นไฟเบอร์บรอดแบนด์ และการส่งเสริมด้านโซลูชันดิจิทัลและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งแพลตฟอร์มด้านสุขภาพอย่าง Teleclinic และ Vhealth รวมถึงหุ่นยนต์ True5G ที่ปัจจุบันได้ต่อยอดความร่วมมือกับพันธมิตรแล้วในหลายอุตสาหกรรม เช่น สาธารณสุข ค้าปลีก พลังงาน และภาครัฐบาล เป็นต้น
***ทรูมูฟ เอช เติบโต รายเดียวในอุตสาหกรรม
ทรูมูฟ เอช เติบโตสูงเหนืออุตสาหกรรมและเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่รายงานการเติบโตของรายได้จากการให้บริการในไตรมาสที่ 2 แม้รายได้ที่เกี่ยวข้องกับบริการโรมมิ่งและนักท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เต็มไตรมาส โดยรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เติบโต 3.3% จากปีก่อนและ 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้าเป็น 20.2 พันล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2563
ขณะที่ผู้ให้บริการรายใหญ่รายอื่นในอุตสาหกรรมมีรายได้จากการให้บริการรวมลดลง 6% จากปีก่อน และลดลง 3% จากไตรมาสก่อนหน้าเครือข่ายคุณภาพสูง ตลอดจนการผสานความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีช่องทางการขายและจัดจำหน่ายทั่วประเทศ เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันผลประกอบการที่แข็งแกร่งของทรูมูฟ เอช โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระบบรายเดือนที่ทั้งรายได้และจำนวนผู้ใช้บริการเติบโตในอัตราเลข 2 หลักจากปีก่อนหน้า ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2563 ฐานผู้ใช้บริการรวมของทรูมูฟ เอช เป็น 30.16 ล้านราย แบ่งเป็นลูกค้าระบบรายเดือน 9.01 ล้านราย และระบบเติมเงิน 21.15 ล้านราย ทั้งนี้ การแข่งขันในอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่มีพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้น ตลอดจนความต้องการใช้งาน 5G ดาต้าและธุรกรรมดิจิทัลที่เพิ่มสูงขึ้น จะช่วยส่งเสริมการเติบโตให้แก่ทรูมูฟ เอชต่อไป
ทรูออนไลน์ มีรายได้จากการให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตและฐานผู้ใช้บริการเติบโตแข็งแกร่งจากความต้องการใช้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตที่เพิ่มสูงขึ้นตามแนวโน้มการทำงานจากบ้าน การเรียนออนไลน์และความต้องการรับชมคอนเทนต์และความบันเทิงที่บ้าน
แพกเกจไฟเบอร์บรอดแบนด์และคอนเวอร์เจนซ์ที่ผสานคอนเทนต์คุณภาพผ่าน TrueID TV รวมถึงแคมเปญเพิ่มความสุขให้ลูกค้าด้วยสิทธิประโยชน์พิเศษเมื่อต่อสัญญา ได้รับผลตอบรับที่ดีจากตลาดอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้ ส่งผลให้รายได้จากการให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเป็น 6.7 พันล้านบาท คิดเป็นการเติบโตที่สูงขึ้นในอัตราร้อยละ 5.7 จากปีก่อน และร้อยละ 2.2 จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 133,000 ราย ในไตรมาส 2 ปี 2563 ขยายฐานลูกค้าบรอดแบนด์เพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านราย
ทรูวิชั่นส์ มีรายได้จากการให้บริการ 2.6 พันล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2563 ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 เต็มไตรมาส โดยเฉพาะลูกค้าในธุรกิจโรงแรม รวมการจัดงานอีเวนต์บันเทิงและรายการกีฬาสดต่างๆ ที่ถูกเลื่อนออกไป ส่งผลให้ทั้งรายได้และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องลดลงเช่นกัน
***True ID ลูกค้าเพิ่มต่อเนื่อง
ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป มุ่งหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ระบบนิเวศของกลุ่มทรูด้วยบริการและแพลตฟอร์มคุณภาพ อย่างทรูไอดีที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดผู้สมัครรับชมการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษเพิ่มกว่า 30,000 ราย ในช่วงที่กลับมาแข่งขันในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยระหว่าง 3 เดือนที่ไม่มีการแข่งขัน ทรูไอดียังสามารถเพิ่มจำนวนการใช้บริการต่างๆ ถึง 234,000 ครั้ง คิดเป็นการเติบโต 23% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
นอกจากนี้ ยอดรับชมวิดิโอต่อเดือนบนทรูไอดียังเติบโตอย่างต่อเนื่องสูงสุดถึง 219 ล้านวิว หรือคิดเป็น 55% จากไตรมาสที่แล้ว นอกจากนี้ ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ทรูไอดียังเปิดตัวบริการอีคอมเมิร์ซที่ปัจจุบันมียอดผู้ใช้งานกว่า 828,000 ราย และมีผู้สนใจคลิกเข้าชม 3.3 ล้านคลิกต่อเดือน
สำหรับแพลตฟอร์มบนจอโทรทัศน์ กล่องทรูไอดี ทีวี เติบโตแข็งแกร่งด้วยยอดรวมสูงถึง 1.4 ล้านกล่อง เพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ทำให้เป็นผู้ให้บริการกล่องทีวีในระบบแอนดรอยด์ที่มีฐานใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นพาร์ตเนอร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลกสำหรับกล่องกูเกิล เนสต์ มินิ ผู้ช่วยอัจฉริยะ
ในขณะเดียวกัน ทรูยู แพลตฟอร์มระบบสิทธิประโยชน์ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดการใช้งานถึง 3.5 ล้านครั้งสำหรับแคมเปญทรูพอยท์ใจป้ำตลอดช่วงครึ่งแรกของปี 2563 โดยแคมเปญ ทรูแบล็ค แฟมิลี่ ยังเป็นตัวช่วยสำคัญในการเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน และโอกาสในการเพิ่มยอดขายและการขายพ่วงบริการอื่นๆ
***ให้บริการ IoT แล้วกว่า 2.7 แสนอุปกรณ์
สำหรับด้านลูกค้าองค์กร กลุ่มธุรกิจดิจิทัลโซลูชัน พัฒนาโซลูชันและเพิ่มจำนวนอุปกรณ์เซ็นเซอร์ IoT ที่เชื่อมต่อและใช้บริการแล้วกว่า 272,000 อุปกรณ์ ณ สิ้นไตรมาส 2 โดยในกลุ่มเทคโนโลยีอุตสาหกรรมการเกษตร ได้มีการร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับบริษัทในเครือซีพี ขยายตลาดด้วยโซลูชัน “True Digital Cow” นวัตกรรมการติดตามพฤติกรรมปศุสัตว์ ที่ช่วยเพิ่มกําลังการผลิตและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันซึ่งได้รับความสนใจจากเกษตรกรโคนมของไทย โดยเฉพาะเกษตรกรของฟาร์มในเครือซีพีเอฟ ซึ่งเป็นฟาร์มที่มีกำลังการผลิตน้ำนมสูงถึง 25% ของฟาร์มโคนมทั่วประเทศ
ต่อเนื่องในกลุ่มเทคโนโลยีอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ได้ร่วมมือกับเคอี กรุ๊ป หนึ่งในผู้นำธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เปิดตัวโซลูชัน Property Integration System ช่วยให้ผู้ดูแลสามารถจัดการการใช้งานพื้นที่ในบริเวณส่วนกลาง รวมทั้งสามารถจัดการดูแลทั้งในเชิงป้องกันและเชิงรุก
นอกจากนี้ ในกลุ่มเทคโนโลยีอุตสาหกรรมการค้าปลีก ได้เปิดตัว ทรู อีซี่ พิก ที่จะเข้ามาเสริมประสบการณ์แบบ “Grab-and-Go” ให้แก่ลูกค้า โดยการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยรวบรวม จัดการ และวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค นอกจากนี้ สำหรับตลาดไฮเปอร์มาร์เกต ยังนำเสนอโซลูชัน Digital AI Density ที่จะช่วยวิเคราะห์ความหนาแน่นของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ เพื่อสร้างอินไซต์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง เพิ่มประสบการณ์ในธุรกิจค้าปลีก โดยปัจจุบัน กำลังอยู่ในระยะปรับใช้งานกับแม็คโคร และเทสโก้ โลตัส รวมถึงในกลุ่มเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสุขภาพและสาธารณสุข โซลูชันในกลุ่ม ทรู วีเฮลธ์ กำลังขยายกลุ่มพันธมิตรไปยังอีก 24 โรงพยาบาล เพื่อนำเสนอบริการคัดกรองและให้คำปรึกษาด้านสุขภาพเบื้องต้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก่อนนัดหมายเข้าพบที่โรงพยาบาล