แกร็บ ชี้แจง กรณีพนักงานชาวต่างชาติที่ประจำอยู่สำนักงานใหญ่ ในประเทศสิงคโปร์ติดเชื้อ โควิด-19 เดินทางมาติดต่องานที่สำนักงานแกร็บ ประเทศไทยในไทยช่วง 5- 6 มีนาคม ก่อนเดินทางกลับและตรวจพบว่ามีอาการ เพื่อป้องกัน และควบคุมโรค ทาง แกร็บ ประเทศไทย สั่งปิดสำนักงานเพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค 5 วัน
แถลงการณ์จากทางแกร็บ ระบุว่า มีพนักงานของบริษัท แกร็บ โฮลดิ้งส์ อิงค์ (ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ แกร็บ ประเทศไทย) ได้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID- 19) จริง ทั้งนี้ พนักงานคนดังกล่าวเป็นชาวต่างชาติซึ่งประจำอยู่ในสำนักงานใหญ่ ประเทศสิงคโปร์ โดยได้เข้ารับการตรวจในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ณ ประเทศสิงคโปร์เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2563 และพบว่ามีผลการตรวจเป็นบวก ซึ่งขณะนี้ได้เข้ารับการรักษาตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทฯ ได้ให้การดูแลและคุ้มครองพนักงานคนดังกล่าว รวมทั้งครอบครัวอย่างเต็มที่
พนักงานคนดังกล่าวปฏิบัติงานอยู่ในส่วนของสำนักงาน และไม่ได้เกี่ยวข้องกับพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่และ พาร์ทเนอร์ร้านค้าของแกร็บ โดยได้เดินทางมาติดต่องานในประเทศไทยในระหว่างวันที่ 5 – 6 มีนาคม 2563 ณ บริเวณชั้น 19 ของอาคารสมัชชาวาณิช 2 (หรืออาคาร UBC 2) ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ แกร็บ ประเทศไทย โดยมิได้แสดงอาการป่วยแต่อย่างใด และได้เดินทางกลับไปยังประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา
เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมโรคดังกล่าว บริษัทฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังเพื่อระบุตัวตนของบุคคลที่พนักงานคนดังกล่าวได้มีปฏิสัมพันธ์ด้วย โดยได้จัดให้พนักงาน แกร็บ ประเทศไทย ที่ได้ติดต่องานกับพนักงานคนดังกล่าวโดยตรงเข้ารับการตรวจเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังอยู่ที่บ้านเป็นระยะเวลา 14 วัน
บริษัทฯ ได้ทำการปิดสำนักงานใหญ่ของ แกร็บ ประเทศไทย ณ อาคาร UBC 2 เป็นการชั่วคราวโดยทันที เพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคเป็นเวลา 5 วัน (ระหว่างวันที่ 9 – 13 มีนาคม 2563) โดยในระหว่างนี้ พนักงาน แกร็บ ประเทศไทย ที่ประจำอยู่ในสำนักงานดังกล่าวจะปฏิบัติงานอยู่ที่บ้านตลอดทั้งสัปดาห์ ขณะที่ศูนย์บริการพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บ (หรือ Grab Driver Center) ณ อาคารธนภูมิ ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด โดยยังคงเปิดดำเนินการตามปกติ
บริษัทฯ ขอยืนยันว่า แกร็บ ให้ความสำคัญสูงสุดกับสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานทุกคน รวมถึงพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ พาร์ทเนอร์ร้านอาหาร ผู้ใช้บริการ ตลอดจนพันธมิตรและคู่ค้าทางธุรกิจ
โดยนับตั้งแต่เกิดสถานการณ์ความกังวลการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสในประเทศไทย บริษัทฯ ได้ติดตามข่าวสารของสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและได้ประกาศใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาด ในทุกสำนักงานและสาขาย่อยทั่วประเทศ ทั้งยังได้ประสานความร่วมมือกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อยกระดับมาตรการการรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19