สื่อชี้ แอปเปิล (Apple) กำลังพัฒนาอุปกรณ์สวมศีรษะ หรือ Headset ที่รองรับเทคโนโลยีเสมือนจริงทั้ง AR และ VR เพื่อเปิดตลาดในช่วง 2 ปีข้างหน้า คาดการรวมพลังแพคคู่นี้จะเพิ่มโอกาสให้ตลาดวิดีโอเสมือนจริงอีกระดับ
รายงานระบุว่า เฮดเซ็ตที่ Apple กำลังพัฒนามีชื่อรหัสว่า T288 มีกำหนดวางจำหน่ายในปี 2020 โดย AR หรือ Augmented Reality คือ การแสดงภาพดิจิทัลทับบนภาพวิวจริง ขณะที่ Virtual Reality หรือ VR คือเทคโนโลยีเสมือนจริงที่ผู้ใช้จะได้เพลิดเพลินกับสภาพแวดล้อมแบบดิจิทัลที่สร้างขึ้นเต็มรูปแบบ ชนิดที่ไม่เห็นภาพวิวจริงรอบตัว
รายงานจากสำนักข่าวซีเน็ต (CNET) ลงรายละเอียดทางเทคนิคของโครงการพัฒนาเฮดเซ็ตใหม่ของ Apple ซึ่งหากเป็นจริง ก็ถือว่า Apple กำลังอยู่ในภาวะเกลือเป็นหนอน เพราะข้อมูลที่รั่วไหลครั้งนี้ถือเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับบริษัท
CNET อ้างถึงแหล่งข่าวนิรนามว่า Apple กำลังหาทางเพิ่มเทคโนโลยี VR ลงในอุปกรณ์ AR ที่ตัวเองพัฒนาอยู่ ทั้งหมดนี้เป็นไปในทางเดียวกับรายงานเมื่อพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งชี้ว่า Apple กำลังหาทางปฏิวัติตลาดอุปกรณ์ AR และ VR จริงจัง
ทั้งหมดนี้ Apple ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในข่าว ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนที่มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการพัฒนาฮาร์ดแวร์ มองว่า การสร้างอุปกรณ์ที่รองรับทั้ง AR และ VR นั้น ทำให้ Apple ต้องก้าวข้ามขีดจำกัดความสามารถด้านวิศวกรรม รายงานชี้ว่า เฮดเซ็ตของ Apple มีหน้าจอสองจอที่ให้ความละเอียดมากกว่า 8K สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายไปยังกล่องประมวลผล ที่มีโปรเซสเซอร์ทรงพลังกว่าทุกรุ่นที่มีในตลาดปัจจุบัน
รายละเอียดโครงการ และระยะเวลาการเปิดตลาดเฮดเซ็ตนี้ถูกมองว่า Apple กำลังเปลี่ยนแผนอย่างชัดเจนจากที่เคยมีข่าวลือก่อนหน้านี้ ที่ผ่านมา Apple ถูกจับตาเพียงว่าจะพัฒนาชุดหูฟัง AR เท่านั้น และมีจุดยืนหนุนเทคโนโลยี AR มากกว่า VR อย่างชัดเจน เห็นได้ชัดจากคำพูดของเจ้าพ่อ Apple “ทิม คุก” (Tim Cook) ที่กล่าวถึง AR ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ “จะเปลี่ยนวิธีการทำงาน การเล่น การเชื่อมต่อ และเรียนรู้” ของทุกคนในอนาคต
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะศักยภาพของ AR ที่ทำให้กราฟิกดิจิทัลสามารถปรากฏทับภาพจริงรอบตัว AR จึงถูกมองว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ แถมยังเปลี่ยนมุมมองของผู้สวมใส่ให้กลายเป็นพื้นที่ทำงาน เป็นเกม หรือเป็นทุกสิ่งที่ต้องการได้แบบเสมือนจริง ยังมีแอปพลิเคชันอื่นที่สามารถเพิ่มการมีส่วนร่วม ทั้งหมดนี้ทำให้มีความคิดว่า AR อาจประสบความสำเร็จมากกว่า VR ที่ผู้ใช้จะหลุดเข้าไปในโลกเสมือนทั้งตัว
ที่ผ่านมา AR และ VR ต้องอยู่แยกกันบนอุปกรณ์คนละตัว เพราะการซ้อนทับกันทางเทคนิค หาก Apple รวมกันได้ ก็ย่อมทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมากขึ้น บนราคาค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นแน่นอน.