อินเทล (Intel) ยกธงขาวตามรอยกูเกิลกลาส (Google Glass) ประกาศปิดแผนกงานทั้งหมดที่ดูแลการวิจัยเทคโนโลยียุคหน้า เป็นผลให้โครงการพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะ “โวนต์” (Vaunt) ถูกยุบไปด้วย
Intel โชว์ตัวแว่นตา Vaunt ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ครั้งนั้นโลกมีความหวังว่าจะทำให้แว่นตาไฮเทคสามารถแจ้งเกิดในดีไซน์ธรรมดาเหมือนแว่นตาทั่วไป แต่ล่าสุด Intel กำลังปิดกลุ่มงานผู้รับผิดชอบการพัฒนาอุปกรณ์ไอทีเพื่อสวมใส่ ซึ่งรวม Vaunt ด้วย
ล่าสุด Intel ยืนยันแล้วในแถลงการณ์ ซึ่งมีนัยสำคัญเรื่องขาดเม็ดเงินลงทุน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของตลาด
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า Intel เคยพยายามขายหุ้นในแผนกงานนี้ ซึ่งมีพนักงานประมาณ 200 คนและมีมูลค่าทางธุรกิจราว 350 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ซ้ำกับ Google Glass เจ้าพ่อชิปอย่าง Intel หันมาใช้วิธีที่ละเอียดอ่อนกว่าในการพัฒนา Vaunt ผล คือ Vaunt ใช้วิธีส่องแสงเลเซอร์เข้าไปในดวงตา สะท้อนเป็นภาพสีแดง-ขาวดำ ที่มีขนาดประมาณ 400x150 พิกเซลไปยังจอตาหรือเรตินาของผู้สวม ทำให้ใช้พลังงานต่ำ และภาพจะหายไปจากสายตาเมื่อผู้ใช้มองไปทางอื่น
สิ่งสำคัญ คือ Vaunt ไม่มีกล้องถ่ายภาพใดฝังในตัว ต่างจาก Google Glass ที่มีกล้องถ่ายรูป 8 ล้านพิกเซลสำหรับการถ่ายภาพ แถมยังมีเซ็นเซอร์บารอมิเตอร์ ระบบวัดระดับความสามารถในการยึดจับบานพับ และศีรษะ เพื่อตรวจสอบว่า แว่นตาเปิดทำงานอยู่หรือไม่ และระบบนำทาง GPS และ GLONASS ผ่านบลูทูธ (Bluetooth) และไว-ไฟ (Wi-fi) ทำให้แว่นเชื่อมกับอุปกรณ์ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ที่จะเปิดแอปพลิเคชันคู่กันไป
จอของ Google Glass ยังใช้ปริซึมที่ทำให้ดวงตาผู้สวมมองเห็นภาพเท่ากับหน้าจอ 640x480 โดยผู้สวมจะต้องมองขึ้นด้านบนขวา เพื่อดูการแจ้งเตือนผ่านหน้าจอสีสันสดใส
อย่างไรก็ตาม ไม่ชัดเจนว่าการถอนตัวของ Intel ออกจากตลาดแว่นตาอัจฉริยะจะส่งผลต่ออุตสาหกรรมโดยรวมอย่างไร แต่สิ่งที่แน่ชัด คือ ชาวโลกจะต้องรอนานขึ้นกว่าจะได้สัมผัสแว่นไฮเทคที่จับต้องได้
Intel เรียกโครงการพัฒนาแว่น Vaunt นี้ว่า ซูเปอร์ไลท์ (Superlight) โดยระบุว่า Superlight เป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมที่สะท้อนว่า Superlight ได้พัฒนาแว่นตาเทคโนโลยีเสมือนจริง (augmented reality) ที่มีความแตกต่าง และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค ซึ่งในขณะที่ Intel โบกมือลา ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอื่น เช่น แอมะซอน (Amazon) และแอปเปิล (Apple) ถูกมองว่ายังคงทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะของตัวเอง
การยอมรับว่า ขาดเงินทุนของ Intel ถือว่าเป็นคนละเหตุผลกับการยกเลิกพัฒนา Google Glass ดั้งเดิม เรื่องนี้ ทอม ชิ (Tom Chi) ผู้ร่วมทีมพัฒนา Google Glass ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศไทยว่า สาเหตุการยกเลิกพัฒนา เพราะความเฉพาะตัวของ Google Glass
“Google Glass เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะตัว เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องมีการดูข้อมูลประกอบการปฏิบัติงานนั้น ๆ เช่น งานประกอบชิ้นส่วนละเอียดในโรงงาน งานแพทย์ดมยาที่ต้องเฝ้าระวังข้อมูลคนไข้ตลอดเวลา ผลิตภัณฑ์นี้จึงไม่ได้เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน และไม่ได้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าบุคคลในวงกว้าง แต่เหมาะกับการเสนอขายระหว่างกลุ่มธุรกิจ แบบ B2B มากกว่า ซึ่งการนำเสนอขายผลิตภัณฑ์ในรูปแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่กูเกิลถนัด” ทอม ชิ กล่าว.
