เทนเซ็นต์ (Tencent) ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่จากแดนมังกรบุกตลาดยุโรปแล้ว ด้วยการเปิดตัวบริการวีแชตเพย์ (WeChat Pay) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการชำระเงิน หลังคู่แข่งอย่างอาลีเพย์ (Alipay) จากอาลีบาบา (Alibaba) ได้เปิดตัวไปก่อนหน้าตั้งแต่ปี 2015
สำหรับการเปิดบริการวีแชตเพย์ครั้งนี้เป็นความร่วมมือกับบริษัทไวร์การ์ด (Wirecard) ของเยอรมนี ซึ่งทำให้ร้านค้าในสหภาพยุโรปมีออปชันสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวได้อีกตัวหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของเทนเซ็นต์ในครั้งนี้มุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่มีการจับจ่ายใช้สอยในยุโรปเป็นหลัก จึงไม่ใช่คู่แข่งที่บริการอย่างแอปเปิลเพย์ (Apple Pay) หรือซัมซุงเพย์ (Samsung Pay) จะต้องวิตกกังวล โดยคนที่จะต้องกังวลน่าจะมีเพียงรายเดียวนั่นคือ อาลีเพย์ ที่จะไม่ได้เป็นผู้ให้บริการรายเดียวในตลาดยุโรปอีกต่อไป
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนนั้น มีตัวเลขจากองค์การการท่องเที่ยวโลกของสหประชาชาติ (the United Nations World Tourism Organization) ว่า เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่มีการใช้จ่ายสูงที่สุดในปี 2016 โดยพบว่า นักท่องเที่ยวจีนได้ใช้จ่ายเงินในการเที่ยวต่างประเทศมากถึง 261,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยที่ 8.9 ล้านล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้เองที่ทำให้เทนเซ็นต์ต้องการเข้ามามีส่วนแบ่งด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โดยที่ผ่านมา บริการวีแชตของเทนเซ็นต์นั้น มีผู้ใช้งานสูงถึง 938 ล้านคนต่อเดือน ซึ่งแน่นอนว่า ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน และในตัวเลขนี้มีผู้ใช้บริการที่จ่ายเงินผ่านวีแชตเพย์ ถึง 600 ล้านคน
ส่วนอาลีเพย์นั้น ตัวเลขผู้ใช้งานล่าสุดยังเป็นรองวีแชตเพย์ที่ 450 ล้านคน ซึ่งทำให้อาลีเพย์รุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยนอกจากเปิดตัวในยุโรปเมื่อปี 2015 แล้ว บริษัทยังขยายไปยังภูมิภาคอื่น ๆ เช่น แอฟริกาใต้
Markus Eichinger รองประธานฝ่ายกลยุทธ์โปรดักต์ของไวร์การ์ด เผยว่า “ความยุ่งยากของนักท่องเที่ยวชาวจีนในปัจจุบันก็คือ พวกเขาขาดเครื่องมือสำหรับการชำระเงินในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งร้านค้าต่าง ๆ หากต้องการเอาใจกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ก็ควรมีบริการรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์เอาไว้เป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้า”
โดย Markus เผยว่า รูปแบบการชำระเงินของวีแชตเพย์ในยุโรปนั้น นักท่องเที่ยวจีนจะเปิดแอปพลิเคชันขึ้นมา จากนั้น จะแสดงบาร์โค้ดของสมาร์ทโฟนให้ร้านค้าได้สแกน เท่านี้ก็เป็นอันเข้าสู่กระบวนการชำระเงินแล้ว ซึ่งโซลูชันนี้มีกำหนดเปิดใช้อย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้นั่นเอง