ผู้จัดการรายวัน 360 - “บิวเทรี่ยม” รุกตลาดเชนสโตร์บิวตี้หนัก วางแผน 5 ปีทุ่มงบลงทุนสาขา 750 ล้านบาท ผุดปีละ 5 สาขา จ่อโมเดลเล็กเจาะตลาดหัวเมืองใหญ่ พร้อมผนึก “อาลีเพย์” ดึงลูกค้ากลุ่มจีนที่มีกำลังซื้อมาก
นายจิรวุฒิ โรจน์รัตนวลี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บิวเทรี่ยม จำกัด ผู้บริหารร้านความงาม “บิวเทรี่ยม” เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนงานระยะยาว 5 ปีจากนี้จะเปิดสาขาเฉลี่ยปีละ 5 สาขา พื้นที่เฉลี่ย 500 ตารางเมตร ลงทุน 30 ล้านบาทต่อสาขา หรือปีละ 150 ล้านบาท หรือรวมงบลงทุนสาขา 5 ปีเท่ากับ 750 ล้านบาท ยังไม่นับงบการตลาดและงบลงทุนอื่นๆ
ปัจจุบันมีสาขาเปิดบริการแล้ว 3 แห่ง หลังจากทำธุรกิจมา 5 ปี คือ เซ็นเตอร์พ้อยท์ ออฟ สยามสแควร์ เปิดเมื่อปี 2555 ขณะนี้ได้ขยายพื้นที่เพิ่มเป็น 300 กว่าตารางเมตรจากเดิม 200 ตารางเมตร, ซีคอนบางแค และเตรียมเปิดสาขาที่สามที่ จีทาวเวอร์ พระรามเก้า ส่วนอีก 2 สาขาจะเปิดปลายปีนี้ในกรุงเทพฯ ซึ่งได้ทำเลไว้เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจาก 3-5 ปีจากนี้ไปจะขยายตลาดไปเปิดสาขาในต่างจังหวัดเน้นหัวเมืองใหญ่และจังหวัดท่องเที่ยวมากขึ้น เช่น พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ เป็นต้น รวมทั้งจะเปิดร้านโมเดลที่สองคือขนาดเล็กลงเพื่อเจาะตลาดต่างจังหวัด พื้นที่เฉลี่ย 200-300 ตารางเมตร
ปีนี้ตั้งงบการตลาดรวมไว้ที่ 20 ล้านบาทเพื่อทำการตลาดเต็มที่ หลังจากที่มีสาขามากขึ้น โดยจะมีทั้งการจัดกิจกรรม การจัดโปรโมชันราคา และการทำตลาดผ่านออนไลน์ด้วย ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายของลูกค้าที่เข้าร้านเฉลี่ย 500 บาทต่อบิล มีการเติบโตต่อเนื่องตามปริมาณสินค้าและบริการที่บริษัทฯ ดำเนินการเพิ่มขึ้น
ขณะนี้สินค้าในร้านมีปริมาณ 2,000 แบรนด์ มากกว่า 1 แสนเอสเคยู มีราคาตั้งแต่ 20-300 บาท แบ่งเป็นสินค้าความงาม 80% และสินค้าสุขภาพ 20% โดยแบ่งเป็นสินค้าจากซัปพลายเออร์ไทย 40% มีอัตราการเติบโต 30% สินค้านำเข้า 60% มีการเติบโต 70% นอกจากนั้นยังมีสินค้าที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟด้วยสัดส่วนประมาณ 5-10% และในอนาคตจะมีสินค้าเฮาส์แบรนด์ของบริษัทฯ ด้วยเช่นกันเพื่อสร้างความแตกต่างจากเชนสโตร์รายอื่น
ล่าสุดได้จับมือร่วมเป็นพันธมิตรกับ “อาลีเพย์” และ “วีแชทเพย์” เพื่อเป็นช่องทางในการอำนวยความสะดวกด้านการชำระเงินให้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เป็นลูกค้าหลักในส่วนของลูกค้าต่างประเทศ โดยกลุ่มลูกค้าชาวจีนนี้มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 1,000-10,000 บาทต่อบิล ขณะที่สัดส่วนลูกค้าต่างประเทศมีประมาณ 15% โดยมีกลุ่มชาวจีนมากถึง 50%
“ปี 2560 คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 500 ล้านบาท หรือเติบโตถึง 3 เท่าจากปีที่แล้วที่มีรายได้รวมประมาณ 100 กว่าล้านบาท โดยปีที่แล้วเติบโตจากปีก่อนหน้าประมาณ 300%” นายจิรวุฒิกล่าว
นายอติโรจน์ โรจน์รัตนวลี กรรมการบริหาร กล่าวว่า บริษัทฯ วางแผนดำเนินการด้านการตลาดแบบเต็มที่เพื่อรุกตลาดมากขึ้น โดยสร้างแพลตฟอร์มทางด้านการตลาดในหลายๆ แพลตฟอร์มทำร่วมกันหมดในทุกๆ แพลตฟอร์ม คือ 1. แพลตฟอร์มสื่อต่างๆ เช่น ทีวี สื่อหนังสือพิมพ์ ออนไลน์ สื่อจราจร และสื่อภาพโฆษณา 2. แพลตฟอร์มสื่อที่ใช้บอกผ่านคนใช้ผลิตภัณฑ์ เช่น บิวตี้บล็อกเกอร์ ผู้บริโภคคนสุดท้ายที่พูดแทนเรา 3.แพลตฟอร์มการขยายจุดจำหน่ายต่างๆ มากที่สุด และ 4. แพลตฟอร์มนักท่องเที่ยวที่ตอนนี้เติบโตต่อเนื่อง
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังมีช่องทางจำหน่ายและสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ไลน์, เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรมที่ลูกค้าสามารถสั่งซื่อสินค้าได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาเว็บไซต์เชิงพาณิชย์ที่จะเป็นช่องทางการสื่อสารและการซื้อขายอย่างเต็มรูปแบบ คาดว่าจะเปิดบริการได้ประมาณปีหน้า