รัสเซีย สงสัยบริการส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือยี่ห้อเทเลแกรม (Telegram) ว่า ถูกใช้ในการก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่สังหารชีวิตผู้บริสุทธิ์ 15 คนที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
โดยรายงานจากบีบีซีนิวส์ อ้างว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของรัสเซียได้ใช้กฎหมายดาต้าตัวใหม่บังคับให้บล็อกการใช้งานแอปพลิเคชันเทเลแกรมแล้ว เนื่องจากผู้ก่อตั้งอย่าง Pavel Durov ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามกฎหมายฉบับใหม่นี้ซึ่งกำหนดให้เจ้าหน้าที่รัฐผู้มีอำนาจสามารถเข้าถึงข้อความที่แอปพลิเคชันเข้ารหัสเอาไว้ได้นั่นเอง
โดยเทเลแกรมนั้น ปัจจุบันมีผู้ใช้งานประมาณ 100 ล้านคน และเคยเป็นแอปพลิเคชันที่ถูกใช้โดยกลุ่มก่อการร้ายในการก่อเหตุวินาศกรรมหลาย ๆ แห่งในช่วงที่ผ่านมา เช่น ในฝรั่งเศส, เหตุการณ์ที่ลอนดอนบริดจ์ รวมไปถึงเหตุการณ์วางระเบิดที่รัสเซียเองด้วย โดยหลัก ๆ คือ การใช้ของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือกลุ่ม IS (Islamic State)
อย่างไรก็ดี ทางผู้พัฒนาเผยว่า ได้ทำงานอย่างหนักเพื่อหาทางปิดช่องทางของกลุ่มผู้ให้การสนับสนุนกลุ่ม IS แล้ว แต่รูปแบบการให้บริการของเทเลแกรมก็ยังถือว่าเอื้อมากต่อการใช้เป็นแหล่งกระจายข่าวสารของกลุ่มก่อการร้าย เช่น การมีฟีเจอร์ที่อนุญาตให้ตั้งกลุ่มได้มากถึง 5,000 คน โดยคนในกลุ่มสามารถส่งข้อความ-ภาพ-วิดีโอถึงกันได้ แถมยังเข้ารหัสให้เสร็จสรรพด้วย
โดยหน่วยงานด้านซีเคียวริตีของรัสเซียอย่าง FSB เผยว่า อยู่ระหว่างการสืบสวนเหตุการณ์การโจมตีเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยได้รับข้อมูลที่เชื่อถือได้จากหลายแหล่งว่า ผู้ก่อการร้ายใช้เทเลแกรมในการวางระเบิด เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุนั้น เป็นสถานีรถไฟใต้ดิน ซึ่งเทเลแกรมเป็นบริการส่งข้อความเพียงไม่กี่รายที่สามารถใช้งานได้ในพื้นที่ดังกล่าว
อย่างไรก็ดี ข้อกฎหมายที่นำมาใช้บังคับปิดบริการของเทเลแกรม คือ การที่เทเลแกรมไม่ลงทะเบียนว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายฉบับใหม่ของรัสเซีย ซึ่งถ้าเทเลแกรมลงทะเบียนกับทางรัสเซีย และเปิดให้ทางการรัสเซียได้ตรวจสอบข้อมูล รวมถึงต้องเก็บข้อมูลต่าง ๆ เอาไว้ในรัสเซียเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน ก็เชื่อว่าจะสามารถให้บริการต่อได้อย่างแน่นอน
