มีรายงานว่า สหภาพยุโรปเตรียมแถลงคำตัดสินว่า จะเรียกเก็บค่าปรับจากกูเกิล (Google) ด้วยมูลค่ากว่า 1 พันล้านยูโร หรือไม่ในวันพุธที่จะถึงนี้ โทษฐานที่ผูกขาดการแข่งขันในตลาดเสิร์ชเอนจินมากเกินไป
โดยที่ผ่านมา ได้มีบริษัท 3 แห่งยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการต่อต้านการผูกขาดของสหภาพยุโรปว่า กูเกิลได้ใช้นโยบายการแข่งขันที่เกือบจะผูกขาดผู้บริโภคไว้กับบริการเสิร์ชของตนเอง ทำให้ค่ายอื่น ๆ ยากที่จะแข่งขันด้วยได้
แต่นั่นก็ทำให้มีเสียงไม่พอใจดังขึ้นอย่างมากจากสหรัฐอเมริกา โดยมองว่า สหภาพยุโรปมีการเลือกปฏิบัติ และเล่นงานแต่บริษัทที่มาจากสหรัฐอเมริกา เป็นผลให้ Margrethe Vestager คณะกรรมการจากสหภาพยุโรปต้องออกโรงชี้แจง
โดยเธอคนนี้ได้เคยเป็นผู้ตัดสินให้ “แอปเปิล” (Apple) ต้องจ่ายเงิน 13 พันล้านยูโร เป็นภาษีย้อนหลังให้กับไอร์แลนด์มาแล้ว
Margrethe Vestager เผยว่า การตัดสินเหล่านี้ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติแต่กับธุรกิจของสหรัฐอเมริกา และจะไม่พบว่า เป็นการตัดสินโดยเอาอคตินำหน้าใด ๆ ทั้งสิ้น
พร้อมกันนั้น เธอได้ยกสถิติของการจัดการเรื่องการผูกขาดในอดีตขึ้นมาเปรียบเทียบด้วย โดยพบว่า มีบริษัทจากสหรัฐอเมริกา 15 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่โดนเข้าควบคุม ส่วนอีก 2 ใน 3 นั้น เป็นบริษัทจากในสหภาพยุโรปด้วยกันเองทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ปี 1989 เจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรปได้มีการตรวจสอบบริษัทจากสหรัฐอเมริกาอย่างไอบีเอ็ม, ไมโครซอฟท์, อินเทล, แอปเปิล, กูเกิล, เฟซบุ๊ก และแอมะซอน ในแง่ของการผูกขาดอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ความเคลื่อนไหวจากฝั่งของกูเกิลนั้น เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 มิ.ย.) บริษัทก็ได้ออกมาประกาศว่า จะเลิกสแกนอีเมลของผู้ใช้งานเพื่อนำไปสู่การเสนอโฆษณาแล้ว อย่างไรก็ตาม คงต้องยอมรับว่า ถึงไม่สแกนอีเมล แต่กูเกิล ก็มีวิธีหาทางเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อใช้ในการโฆษณาได้อีกหลายช่องทาง