สื่อต่างประเทศระบุ ทราวิส คาลานิก (Travis Kalanick) ซีอีโออูเบอร์ (Uber) อาจถูกบีบให้พักงานชั่วคราวภายใต้การเปลี่ยนแปลงโดยบอร์ดบริหาร เบื้องต้นยังไม่มีการเปิดเผยผลการประชุมบอร์ด Uber ที่จัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
การประชุมคณะกรรมการบริการ Uber เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา (11 มิ.ย.) ถูกระบุว่า เป็นการพิจาณาเพื่อเปลี่ยนแปลงนโยบาย และระเบียบองค์กรตามข้อเสนอของอดีตอัยการสหรัฐฯ อีริก โฮลเดอร์ (Eric Holder) ซึ่งซีอีโอ Uber ว่าจ้างให้ดำเนินการจัดระเบียบบริษัทเพื่อเรียกความเชื่อถือจากกรณีที่อดีตวิศวกรหญิง Uber ออกมาเปิดเผยว่า ถูกคุกคามทางเพศจากผู้บริหารระดับสูง
เบื้องต้น Uber ยืนยันเพียงว่า คณะกรรมการบริหารบริษัทมีมติเห็นชอบกับคำแนะนำในรายงานของโฮลเดอร์ (Holder Report) โดยทั้งหมดจะถูกส่งถึงพนักงาน Uber ทุกคนในวันอังคารที่ 13 มิถุนายน
น่าเสียดายที่ยังไม่มีการยืนยันว่า ข้อแนะนำในรายงานนี้จะมีผลทำให้ Uber เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรจุดใดบ้าง ขณะเดียวกัน ก็มีความเป็นไปได้ที่ซีอีโอคาลานิก จะลาพักชั่วคราวก่อนจะกลับมาอีกครั้งด้วยหน้าที่รับผิดชอบที่น้อยกว่าเดิม โดยอาจจะยังรั้งตำแหน่งซีอีโอเช่นเดิม แต่ถูกควบคุมมากขึ้น
นอกจากนี้ สื่อบางแห่งยังอ้างแหล่งข่าวว่า หนึ่งในคำแนะนำ ซึ่งระบุไว้ในรายงานของโฮลเดอร์ คือ อีมิล ไมเคิล (Emil Michael) รองประธานบริษัทฝ่ายธุรกิจของ Uber ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคาลานิก ควรจะลาออกจากบริษัท
สำหรับการประชุมกรรมการ Uber ครั้งล่าสุด เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจาก Uber ระบุว่า ได้ปลดพนักงานมากกว่า 20 ตำแหน่ง ขณะเดียวกัน บริษัทก็กำลังดำเนินการกวาดล้างวัฒนธรรมเหยียดเพศ รวมถึงการข่มขู่ ซึ่งทำให้ Uber มีชื่อเสียต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
หากซีอีโอคาลานิก ต้องโบกมือลาบริษัทจริง จะถือเป็นการโบกมือลาของผู้บริหารระดับสูงรายล่าสุดของ Uber โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานฝ่ายการเงิน “เกาทัม กุปตา” (Gautam Gupta) ยกธงลาบริษัทตามหลังผู้จัดการสำนักงานนิวยอร์ก “โจช โมห์เรอร์” (Josh Mohrer) และหัวหน้าทีมพัฒนารถไร้คนขับ “แอนโธนี่ เลเวนโดสกี” (Anthony Levandowski)
