โดย พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. และประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.)
ขณะนี้ Facebook ได้ประกาศว่า กำลังจะเริ่มให้บริการแพร่ภาพแบบสตรีมมิ่ง (Stream videos) ผ่านแพลตฟอร์มหลักของ Facebook โดยสามารถแสดงผลบนจอ TV แบบปกติโดยผ่านอุปกรณ์ เช่น Apple TV หรือ Google Chrome-cast ซึ่งการให้บริการดังกล่าวจะทำให้ผู้ใช้สามารถรับชม Facebook videos บนจอขนาดใหญ่ได้ ซึ่งจะทำให้ social media เพิ่มความสามารถในการให้บริการเสมือนเป็น TV
การให้บริการ Facebook videos ดังกล่าวจะดึงความสนใจสมาชิก Facebook ให้มาบริโภคสื่อ videos พุ่งสูงขึ้น และจะทำให้เกิดการลงทุนมากขึ้นในการโฆษณาผ่านบริการนี้ ซึ่งขณะนี้เห็นได้ชัดเจนแล้วว่า คนรุ่นใหม่ได้ย้ายความสนใจจากสื่อดั้งเดิมมายังสื่อสตรีมมิ่ง videos หมดแล้ว
การให้บริการ Facebook videos จะกลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และจะเป็นตัวเพิ่มรายได้ให้แก่ Facebook ซึ่งขณะนี้ Facebook ได้ผ่านหลักชัยที่สำคัญ คือ จำนวนชั่วโมงของการเสพสื่อ videos ของ Facebook ได้พุ่งถึง 100 ล้านชั่วโมงต่อวันแล้ว แม้ว่าจะเปิดให้บริการ videos ได้ไม่นาน
Facebook จะทำการเลือก content ที่มีความนิยม และมีคุณภาพสูง รวมทั้ง content ที่สร้างสรรค์จากสมาชิก Facebook ด้วย ถึงแม้ว่า Facebook อาจจะไม่สามารถมาแทน TV ดั้งเดิมได้ แต่มันก็จะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำคัญคนรุ่นใหม่อย่างแน่นอน โดย Facebook มีเป้าหมายที่จะทำการพัฒนา Video platform ในรูปแบบใหม่ โดยที่ผู้ใช้งานสามารถนำเสนอ content ของตน เสมือนกับว่า ทุกคนสามารถมีช่อง TV เป็นของตนเองได้
จากการศึกษาของ eMarketer คาดการณ์ว่า ไม่เกินปี 2020 การลงทุนในสื่อโฆษณาดิจิตอลจะพุ่งถึง 45% ของการลงทุนรวมของโฆษณาทั้งหมด และการโฆษณา TV แบบดั้งเดิมจะมีส่วนแบ่งรายได้ลดลงเหลือ 33% ซึ่งในปี 2014 มีส่วนแบ่งรายได้ในการโฆษณา TV ถึง 40% และจะมีแนวโน้มในการลงทุนโฆษณาในสื่อดิจิตอลสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี
ยุทธศาสตร์หลักของ Facebook คือ ให้ผู้ใช้งานสามารถแพร่ภาพสตรีมมิ่ง videos บนจอขนาดใหญ่ด้วยภาพที่มีคุณภาพสูง ซึ่งจะทำให้การบริโภคสื่อ video สูงขึ้นอย่างมากบน Facebook และจะส่งผลให้ Facebook กวาดส่วนแบ่งรายได้การโฆษณาในสื่อดิจิตอลสูงขึ้นมาก
ชัดเจนแล้วว่า อุตสาหกรรมโทรทัศน์ กำลังเผชิญกับสื่อสตรีมมิ่ง (streaming media) และ social media อย่างเช่น Facebook และ Twitter ซึ่งจะเข้ามาเป็นผู้เปลี่ยนเกมอุตสาหกรรมด้วยการทำตัวเป็น ผู้พลิกผัน (disrupters) ในอุตสาหกรรมโทรทัศน์ ซึ่ง Facebook อาจจะไม่ถึงขั้นเข้ามาแทน TV หรือเข้ามาแทนสตรีมมิ่งอื่นๆ เช่น Netflix ในเวลานี้ แต่เชื่อว่า Facebook videos จะค่อยๆ คืบเข้ามามีอิทธิพลตามการเติบโตของคนรุ่นใหม่ในอนาคตอันใกล้
การวิเคราะห์จาก The Telegraph สื่อใหญ่ในสหราชอาณาจักร ได้กล่าวว่า “ในอนาคตอันใกล้ การกล่าวสุนทรพจน์ในการประกาศนโยบายของผู้นำ จะไม่ใช้ BBC หรือ Sky News อีกต่อไป แต่จะแพร่ภาพผ่าน Facebook Live ดังนั้น การปฏิวัติด้านสื่อ มิได้ทำด้วยกิจการโทรทัศน์ แต่จะถูกทำด้วยสื่อสตรีมมิ่ง”
ในบทวิเคราะห์ดังกล่าวของ The Telegraph ยังกล่าวด้วยว่า การให้บริการสตรีมมิ่งออนดีมานด์แบบบอกรับสมาชิก (On-demand subscription streaming services) โดย Netflix และ Amazon นั้น ขณะนี้ได้รับการตอบรับอย่างมากในตลาด และเป็นที่นิยมมากในสหราชอาณาจักร และมองว่า การแพร่ภาพสดด้วยสตรีมมิ่ง (Live streaming) กำลังเขย่าธุรกิจ Pay-TV ดั้งเดิมอย่างหนัก ขณะที่ Facebook และ Youtube มุ่งพัฒนาการให้บริการการแพร่ภาพสดด้วยสตรีมมิ่ง มีคุณภาพสูงขึ้นเพื่อธุรกิจโฆษณาเป็นหลัก
เราจะได้เห็นการแพร่ภาพสดผ่านสตรีมมิ่ง ด้วยการนำเสนอข่าวสารด้วยโดรนมากขึ้นเรื่อยๆ จากคนรุ่นใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ จากทั่วทุกมุมโลก
-------------
Reference
[1] http://www.forbes.com/sites/greatspeculations/2016/11/02/facebook-is-one-future-of-tv/#20ee9c51ce27
[2] http://www.telegraph.co.uk/business/2016/09/03/how-facebook-youtube-and-tv-newcomers-are-playing-for-the-future/
[3] https://www.engadget.com/2016/05/23/dji-drone-facebook-live/