เอปสัน ตั้งเป้าเบอร์ 1 ตลาดโปรเจกเตอร์คุณภาพสูงภายใน 3 ปี หลังรักษาแชมป์โปรเจกเตอร์ที่มียอดขายทั่วโลกสูงสุดติดต่อกัน 15 ปี พร้อมเสริมทัพโปรเจกเตอร์รุ่นใหญ่ เจาะตลาดออแกไนเซอร์ที่ต้องการโปรเจกเตอร์ High Performance มั่นในได้ส่วนแบ่งในตลาดนี้ปีแรก 20%
มร. ซิ่ว จิน เกียด ผู้จัดการทั่วไประดับภูมิภาค ฝ่ายอุปกรณ์ภาพ เอปสัน สิงคโปร์ กล่าวถึง การเติบโตของเอปสัน ในตลาดอาเซียนว่า มีการขยายตัวอย่างมากจากปี 2554 ที่เอปสัน มีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 25.8% เพิ่มขึ้นเป็น 29% ในปี 2558 นับเป็นการเติบโตอย่างมากในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าในปี 2563 ที่ส่วนแบ่งตลาด 40%
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากผลการสำรวจล่าสุดของ FutureSource Consulting บริษัทวิจัยการตลาดยักษ์ใหญ่ของโลก ในปี 2558 เอปสัน ยังคงสามารถครองตำแหน่ง เจ้าตลาดโปรเจกเตอร์ที่ทำยอดขายทั่วโลกสูงสุด ติดต่อเป็นปีที่ 15 แล้ว และเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดหลายปีที่ผ่านทุกประเทศในอาเซียน ยกเว้น เวียดนาม
ส่วนในตลาดเมืองไทยในปีงบประมาณที่ผ่านมา ของบริษัท (1 เมษายน 2558-31 มีนาคม 2559) เอปสัน มีส่วนแบ่งตลาดโดยรวมอยู่ที่ 36% แต่ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ (เริ่ม 1 เมษายน-1 มิถุนายน 2559) เอปสันเพิ่มส่วนแบ่งตลาดขึ้นเป็น 46% โดยมีปัจจัยจากการที่บริษัทฯ ทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง และมุ่งเพิ่มจำนวนรุ่นสินค้าเข้าสู่ตลาด จนปัจจุบันมีมากกว่า 60 รุ่น 7 เซ็กเมนต์ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่ โฮมยูสเซอร์ เอสเอ็มอี องค์กรขนาดใหญ่ สถาบันการศึกษา โรงแรม อีเวนต์ออแกไนเซอร์
ปัจจุบัน เอปสัน เป็นผู้นำทั้งในตลาดเครื่องรุ่น Entry หรือเครื่องขนาดเล็กไปจนถึงเครื่องระดับกลาง ส่วนเครื่องในกลุ่ม High Performance หรือเครื่องขนาดใหญ่ที่มีความสว่างตั้งแต่ 6,000 ลูเมนส์ขึ้นไป เป็นอีกตลาดสำคัญที่เอปสัน กำลังเร่งขยายฐานลูกค้า
“ตลาด High Performance แม้จะเป็นตลาดที่ไม่ใหญ่นัก จำนวนเครื่องขายต่อปีไม่มากเมื่อเทียบกับตลาดอื่น แต่มูลค่าต่อเครื่องค่อนข้างสูง และเป็นตลาดที่มีอัตราการขยายตัวทุกปี โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นบริษัทออแกไนเซอร์ และธุรกิจพัฒนาคอนเทนท์ จัดงานอีเวนต์ ต่างๆ รวมถึงองค์กรที่มีห้องประชุมขนาดใหญ่ เช่น สถาบันการศึกษา โรงแรม มีโอกาสใช้โปรเจกเตอร์ระดับนี้มากขึ้น”
ล่าสุด เอปสัน เปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่ม High Performance หรือ G-Series 6 รุ่น ได้แก่ EB-G7100, EB-G7805, EB-G7000W, EB-G7200W, EB-G7400U และ EB-G7905U โดยสินค้าใหม่ที่เปิดตัวครั้งนี้เป็นรุ่นที่ให้คุณภาพของ Contrast Ratio หรือความต่างระหว่างสีดำ และสีขาวที่สูงถึง 50,000 : 1 และมีระดับความละเอียดทั้ง XGA, WXGA และ WUXGA และระดับความสว่างตั้งแต่ 5,500-8,000 ลูเมนส์ ทั้งยังสามารถรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ HDBase-T ได้
นอกจากนี้ เอปสัน ยังได้เปิดตัวกลุ่มเลเซอร์โปรเจกเตอร์ ในตลาดไทยอีก 4 รุ่น ราคาเริ่มต้นที่ 599,000 บาท ได้แก่ EB-L1100U ความสว่าง 6,000 ลูเมนส์ EB-L1200U ความสว่าง 7,000 ลูเมนส์ EB-L1405U ความสว่าง 8,000 ลูเมนส์ และ EB-L1505U ความสว่าง 12,000 ลูเมนส์ สามารถฉายภาพที่มีความละเอียด 1,920 x 1,200 ระดับ WUXGA ทั้งยังสามารถรองรับภาพที่มีความละเอียดสูงระดับ Ultra HD หรือ 4K ในรูปแบบ 4K Enhancement ได้อีกด้วย
นายยรรยง กล่าวว่า ที่ผ่านมา ความต้องการเลเซอร์โปรเจกเตอร์ยังมีไม่มาก เนื่องจากราคาเครื่องที่สูง และเทคโนโลยียังไม่เสถียร อีกทั้งผู้บริโภคยังพอใจกับโปรเจกเตอร์ที่ใช้งานอยู่ ปัจจุบัน เทคโนโลยีสำหรับเลเซอร์โปรเจกเตอร์มีการพัฒนาขึ้นมาก เริ่มได้รับความนิยมสูงขึ้นในหลายตลาดรวมถึงเมืองไทย เอปสันจึงเริ่มรุกตลาดเลเซอร์โปรเจกเตอร์อย่างเต็มตัว ด้วยการเปิดตัวสินค้า 4 รุ่น เจาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจที่ต้องการความคุ้มค่าในการลงทุน และต้องการลดขั้นตอนการดูแลรักษาเครื่อง เช่น องค์กรขนาดใหญ่ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ธุรกิจบริการให้เช่าเครื่องโปรเจกเตอร์ ธุรกิจพัฒนาคอนเทนท์ และออแกไนเซอร์
จุดเด่นของเลเซอร์โปรเจกเตอร์ของเอปสัน อยู่ที่ 1.คุณภาพของภาพที่ดี ด้วยการผสานเทคโนโลยีแหล่งกำเนิดแสงด้วยเลเซอร์ และ 3LCD ทำให้มีระดับความสว่างของสี และแสงสีขาวสูงขึ้น ภาพจึงมีสีสันสดใสคมชัด มีมิติสมจริง มีระดับ Contrast Ratio หรือความต่างระหว่างสีดำ และสีขาวที่สูงถึง 2,500,000 : 1 ซึ่งสูงที่สุดในตลาดขณะนี้ จึงแสดงภาพที่มีความลึก และรายละเอียดภาพแบบ 3 มิติ ได้อย่างดี
2.ความเสถียร ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่เอปสัน มีเหนือคู่แข่ง เนื่องจากชิ้นส่วนสำคัญในการแยก และรวมแสงภายในเครื่องที่ต้องได้สัมผัสกับความร้อน และแสงกระทบอยู่ตลอดเวลา อย่างแผงจอ LCD และวงล้อสะท้อนแสง (Phosphor Wheel) เป็นแบบ Inorganic ที่สามารถทนความร้อนสูงได้เป็นเวลานาน จึงช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานกว่า ทั้งยังเปิดใช้งานต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงได้ โดยที่คุณภาพของภาพไม่เสื่อมลง เป็นเหตุให้เอปสันจึงกล้ารับประกันอายุการใช้งานนานถึง 20,000 ชั่วโมง หรือ 3 ปี ขณะที่คู่แข่งรับประกันที่เพียง 10,000 ชั่วโมง
และ 3.เป็นเรื่องของความหลากหลายในการใช้งาน เลเซอร์โปรเจกเตอร์ของเอปสันได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานได้เอนกประสงค์กับพื้นที่หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเครื่องแบบ 360 องศา การทำ Edge Blending หรือการสร้างภาพพาโนรามา ด้วยการต่อภาพจากโปรเจกเตอร์หลายเครื่อง การทำ mapping บนวัตถุ หรืออาคาร ไปจนถึงการปรับ และตั้งค่าตำแหน่งเลนส์ เพื่อหาจุดโฟกัสใหม่ได้ทันทีที่มีการเปลี่ยนพรีเซนเตชั่น ทั้งยังสามารถถอดเปลี่ยน และเลือกประเภทเลนส์ให้เหมาะสมกับแต่ละประเภทงาน
มร.โตชิมิตสุ ทานากะ ผู้อำนวยการ เอปสัน เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า เอปสัน สร้างทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อศึกษาลูกค้าแต่ละกลุ่ม และนำข้อมูลที่ได้มาพัฒนางานด้านการขาย การบริการ และการสนับสนุนทางเทคนิคให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าผ่านบริการหลังการขาย เช่น การบริการแบบ Onsite Service และบริการเครื่องสำรองส่งให้ลูกค้าถึงมือ เพื่อนำไปใช้ระหว่างรอการซ่อม
นอกจากขยายฐานลูกค้าผ่านเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในโปรเจกเตอร์ของเอปสันแล้ว เอปสัน ยังได้สร้างโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มออแกไนเซอร์มากขึ้น ผ่านพาร์ตเนอร์ที่เป็นครีเอทีฟเอเจนซี่ หรือบริษัทพัฒนาคอนเทนท์ต่างๆ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์การต่อยอดธุรกิจภายใต้แคมเปญสื่อสารการตลาด “TrustInYou” ที่จัดขึ้นเพื่อตอกย้ำความสำเร็จในการก้าวสู่ปีที่ 26 ของเอปสัน ประเทศไทย
โดยหยิบยกปรัชญาองค์กรของเอปสัน ได้แก่ Passion, ความมุ่งมั่น, ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ซึ่งเป็นสูตรความสำเร็จทางธุรกิจ มาเป็นคุณค่า (Value) หลัก เพื่อใช้ในการสื่อสารแบรนด์ไปยังลูกค้าทุกกลุ่ม ที่ให้ความไว้วางใจกับแบรนด์เอปสัน มาโดยตลอดว่า หากทุกคน และทุกองค์กรมีความรัก, ความมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำ พร้อมความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม ก็จะสามารถก้าวสู่ความสำเร็จสูงสุดในการทำธุรกิจ
นอกจากนี้ เอปสัน ยังได้ร่วมมือกับอะโพสโทรฟีเอส กรุ๊ป (Apostrophys Group) บริษัทออกแบบงานอีเวนต์ชื่อดังของเมืองไทย โดยมี พันธวิศ ลวเรืองโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งเป็นหนึ่งใน Epson Expert Endorsers มาร่วมสร้าง “Café Tube” New media cafe แห่งอนาคต ขึ้นที่ลานเอเทรียม 2 ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยใน Café Tube จะมีการจำลองตัวอย่างการประยุกต์ใช้โปรเจกเตอร์ เอปสัน ในธุรกิจร้านคาเฟ่ช็อป ที่จะเปลี่ยนช่วงเวลาธรรมดาๆ ในร้านให้กลายเป็นประสบการณ์สุดประทับใจได้ โดยใช้โปรเจกเตอร์เอปสัน ความสว่างสูง จำนวน 12 เครื่อง ฉายลงบนเครื่องดื่มให้ดูมีสีสัน และลูกเล่นแปลกใหม่ ร่วมกับเทคนิค Mapping เพื่อสร้างภาพน่าตื่นตาตื่นใจทั่วพื้นที่ในร้านคาเฟ่จำลอง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “รสชาติของจั กรวาลจะเป็นยังไงนะ”
เอปสัน กำลังโชว์ให้เห็นพัฒนาการของโปรเจกเตอร์ว่า ไม่ใช่เป็นได้แค่เครื่องถ่ายภาพ หรือพรีเซนต์งานเพียงเท่านั้น เพราะเอปสัน กำลังสร้างแวลูให้ตัวสินค้าเพิ่มมากขึ้น เช่น ฉายภาพบนกำแพง บนพื้นไม้ไม่เรียบ บนรถ หน้าลานเบียร์ งานแต่งงาน หรือแม้กระทั่งบนอาหาร เป้าหมายหลัก คือ การตลาดที่นำเรื่องโปรเจกเตอร์ที่สามารถใช้งานได้ทุกตลาด
การเพิ่มสินค้าในกลุ่มโปรเจกเตอร์รุ่นใหญ่ และเปิดกลุ่มสินค้าเลเซอร์โปรเจกเตอร์ใหม่ในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันในธุรกิจโปรเจกเตอร์ให้กับเอปสัน จะทำให้เอปสัน มีสินค้าในทุกระดับความสว่างมากกว่าคู่แข่ง อีกทั้งยังมีแผนที่จะออกสินค้าใหม่ความสว่าง 25,000 ลูเมนส์ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้อีกด้วย
ในปี 2558 ที่ผ่านมา ตลาดรวมโปรเจกเตอร์ในไทยมีประมาณ 9 หมื่นเครื่อง มาในปี 2559 คาดว่าตลาดรวมจะติดลบประมาณ 5% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดภาครัฐ และการศึกษาที่มีการจัดซื้อน้อยลง โดยในปีนี้เอปสัน คาดว่า จะมีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 40% เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่มีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 36% หลังเปิดตัวโปรเจกเตอร์คุณภาพสูงลงตลาด เอปสัน คาดว่า จะมีส่วนแบ่งในตลาดนี้ประมาณ 20% ภายในสิ้นปีนี้ และตั้งเป้าเป็นผู้นำอัน 1 ในตลาดนี้ภายใน 3 ปีข้างหน้าทั้งในเมืองไทย และในตลาดอาเซียน