มีคนบอกว่า ลูกค้าก็เหมือนผู้หญิง คนขายของก็เหมือนผู้ชาย การขายของก็เหมือนการจีบหญิง ประเภทที่ไม่ต้องพูดคุยอะไรกันมาก เจอครั้งแรกเป็นแฟนกันเลย ก็เหมือนขายของให้กับคนอยากได้ เห็นแล้วซื้อทันที แบบนี้มีสัดส่วนน้อยมาก
ส่วนที่พูดคุยกันนิดหน่อย แล้วเป็นแฟนกันเลย ก็เหมือนกับการขายของที่คนสนใจอยากซื้อมาก ๆ แค่ขอคุยกับคนขายนิดหน่อย เพื่อความสบายใจก็ซื้อแล้ว แบบนี้มีน้อยมากเช่นกัน
สุดท้าย พวกที่ต้องตามจีบ คอยโทร.หา ตามรับตามส่ง เป็นเดือนกว่าจะเป็นแฟนกัน ก็เหมือนกับการขายของทั่วไป!
คนซื้ออาจสนใจสินค้า แต่ยังไม่มาก ขอคุยกับคนขาย แล้วเก็บไปคิด ส่วนคนขายก็ติดตามผลไปเรื่อย ๆ ตามบ้างไม่ตามบ้าง จนถึงจุด ๆ หนึ่ง คนซื้อต้องการซื้อแล้ว ถ้าตอนนั้นคนขายคนเดิมยังอยู่ และติดตามไปเรื่อย ๆ คนซื้อจะกลับมาซื้อกับคนขายคนเดิม แต่ส่วนใหญ่คนขายมักจะไม่รอ ทำให้พลาดโอกาสในการขายของชิ้นนั้นไป!
บนโลกการตลาดออนไลน์ ก็เช่นกัน มีผลการวิจัยบอกว่า คนที่เข้าเว็บครั้งแรก มักจะยังไม่ซื้อสินค้า แต่พอถึงระยะเวลาหนึ่ง อยากซื้อสินค้าแล้ว มักจะหาเว็บที่ตนเองเคยสนใจอยากซื้อไม่เจอ แล้วไปซื้อสินค้ากับเว็บอื่นที่เจอในขณะที่ต้องการซื้อทันที
เมื่อเป็นเช่นนั้น สื่อออนไลน์อย่าง Google จึงได้คิด Feature ขึ้นมาชื่อ
'Remarketing' ซึ่งก็คือ การใช้โฆษณาติดตามไปยังคนที่เคยเข้าเว็บเราแล้วเท่านั้น
วิธีการคือ เราจะต้องนำโปรแกรมสั้นๆ หรือเรียกว่า Code ไปติดตั้งในเว็บไซต์ เมื่อมีคนเข้ามาดูเว็บ โปรแกรมที่ตั้งไว้ก็จะทำการจับว่า เป็นการเข้ามาในเว็บจากเครื่องคอมพิวเเตอร์เครื่องใด และเมื่อคอมพิวเเตอร์เครื่องนั้น ไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ ที่เป็น Partner กับ Google ก็จะเห็น Banner โฆษณาของสินค้าเรา เพื่อเป็นการย้ำเตือนว่า คุณสนใจสินค้าชนิดนี้อยู่ และอย่าลืมซื้อสินค้าชนิดนี้กับเรานะ
การทำ Remarketing จะใช้วิธีการหลักๆ ได้อยู่ 3 วิธี
วิธีที่ 1 เป็นวิธีปกติ คือการใช้ Banner โฆษณาสินค้าเรา ตามไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะซื้อ
วิธีที่ 2 ตามด้วยโปรโมชั่น เช่นหากเข้าเว็บไซต์เราแล้ว เห็นราคาปกติเท่าไหร่ อาจจะมี Banner ปรากฎว่า ลดทันที 20% เฉพาะคุณเท่านั้น เป็นต้น เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย
วิธีที่ 3 ตามด้วยเนื้อหา (Content) ที่เกี่ยวข้องกับสินค้า เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้า อย่างที่เราเห็นตอนนี้ ที่นิยมทำกันมาก โดยเฉพาะธุรกิจบริการจองห้องพัก ซึ่งหากเราเข้าไปคลิกดูห้องพักในพื้นที่ เราจะเห็น Content อาทิ '10 ที่เที่ยว นอนชิล หน้าฝน' หรือ 'รีวิว 10 ห้องพักราคาหลักร้อยวิวหลักล้าน' เป็นต้น เมื่อเข้าไปอ่านเนื้อหาแล้ว ก็จะพบโฆษณาของเว็บไซต์ที่เราเคยเข้าไปคลิกเพื่อดูห้องพักรวมอยู่ด้วย เป็นต้น ซึ่งในผลการวิจัย การทำโฆษณาแบบ Remarketing จะเป็นโฆษณาที่ได้ค่า ROI สูงที่สุด เพราะใช้งบประมาณต่อวันน้อย ติดตามเฉพาะคนที่เข้าเว็บแล้วเท่านั้น ซึ่งมีปริมาณไม่มาก แต่เห็นผล
ข้อดี ของการทำ Remarketing คือ
1. เสียค่าโฆษณาต่ำมาก เพราะโฆษณาไปยังคนเคยเข้าดูเว็บไซต์เรา ซึ่งมีจำนวนไม่มาก แต่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพสูง2. ได้ยอดขาย เพราะโฆษณาไปยังกลุ่มคนที่สนใจสินค้าเราแล้ว ดังนั้นโอกาสได้ยอดขายจึงมีสูงมาก ซึ่งมีทริคนิดนึ่ง ตรงที่โฆษณา Remarketing จำเป็นจะต้องทำโฆษณาควบคู่ไปกับโฆษณา Google AdWords เพื่อหาคนที่สนใจเข้าเว็บไซต์เราให้ได้จำนวนที่มากพอ ไม่อย่างนั้นการทำโฆษณาแบบ Remarketing จะไม่ได้ผล
และนี่คือ เหตุผลว่า ทำไมโฆษณาแบบ Remarketing จึงเป็นที่นิยม และเราจะเห็นได้ว่า เดี๋ยวนี้พอคลิกดูสินค้าหรือบริการจากเว็บใด เรามักจะเห็นโฆษณาของเว็บนั้น ๆ ติดตามเราเสมอ จนหลายคนเรียกโฆษณาชนิดนี้ว่า โฆษณาแบบตามตื้อ กันเลยทีเดียวครับ แต่ต้องยอมรับนะครับ ว่ามันเห็นผลจริง ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครทำกันทั่วโลก
