xs
xsm
sm
md
lg

ใครจะเชื่อ! เลี้ยงไส้เดือนชีวิตดี๊ดี ไม่ถึงครึ่งปีระดับรายได้พอกับคนทำงานประจำ 7-8 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กระแสฮิปสเตอร์ที่หนุ่มสาววัยทำงานหันหลังให้แก่ระบบทุนนิยม ออกมาทำเกษตรกรรมปลูกผักปลอดสาร ทำนา เลี้ยงสัตว์ ฯลฯ ยึดถือแนวทางการดำเนินชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ใช้ชีวิตแบบวิถีพอเพียง กำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในทุกวันนี้ คุณนา-ลักคนา ไกรบำรุง ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ตัดสินใจละทิ้งงานตำแหน่งเลขาฯ ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏ ออกมาเพื่อดำรงตำแหน่งเกษตรกรอย่างเต็มเวลา เหตุผลไม่ใช่เพราะตามกระแสฮิปสเตอร์ แต่เป็นเพราะมองเห็นโอกาสที่จะเปลี่ยนผืนนาที่เคยบอบช้ำจากการใช้สารเคมี ให้กลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง

“ทำไมถึงเลี้ยงไส้เดือน?”

เราถามคุณนา เจ้าของนาตาฟาร์ม ไปตรงๆ หลังจากที่เหลือบไปเห็นบ่อซีเมนต์ที่ใช้เพาะเลี้ยงไส้เดือนตั้งอยู่รายรอบ ภายในนั้นเป็นขี้วัวแห้งที่ถูกเติมน้ำจนแฉะ และทิ้งค้างคืนไว้ตั้งแต่ 2-4 วัน ใช่แล้ว…ขี้วัวที่กำลังเปียกได้ที่นี้แหละ คือ อาหารอันโอชะที่ไส้เดือนชื่นชอบ

แม้รูปโฉม และไลฟ์สไตล์การกินอาหารของไส้เดือนจะไม่เป็นที่ต้องใจของเราเท่าไรนัก แต่อย่าเพิ่งตัดสินไส้เดือนจากแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก ถ้าได้รู้ถึงคุณประโยชน์ที่ไส้เดือนมอบให้ต่อผืนดิน และโลก คุณอาจจะต้องน้ำตาไหลด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง ถึงขั้นก้มลงกราบแผ่นดินที่ไส้เดือนกำลังชอนไชอยู่เลยทีเดียว :p

ไส้เดือนช่วยพรวนดิน ย่อยสลายอินทรีย์วัตถุให้อยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์ต่อพืช ช่วยเพิ่ม และแพร่กระจายจุลินทรีย์ ทำให้ดินร่วนซุย การถ่ายเทน้ำ และอากาศดี ดินอุ้มน้ำได้มากขึ้น เพิ่มช่องว่างในดินทำให้รากพืชชอนไชได้ง่าย ฯลฯ เหล่านี้เป็นเพียงแค่ประโยชน์ส่วนหนึ่งของไส้เดือนเท่านั้น ถ้าจะให้เล่าทั้งหมดเห็นท่าจะใช้เวลานาน เดี๋ยวคุณผู้อ่านจะเบื่อเสียเปล่าๆ เราพักเรื่องความดีงามของไส้เดือนเอาไว้ก่อน แล้วไปทำความรู้จักกับเจ้าของนาตาฟาร์ม กันดีกว่า ว่าอะไรกันนะ ที่ดลใจเธอให้สลัดรองเท้าส้นสูงทิ้ง ล้างเมกอัป แล้วหันมาจับเจ้าไส้เดือนเลี้ยง จนกลายเป็นอาชีพที่ทำเงินได้อย่างงดงามในวันนี้

ทำเกษตร 5 เดือนระดับรายได้พอๆ กับคนทำงานประจำมา 7-8 ปี!

“บ้านเกิดนาอยู่ที่จังหวัดชัยภูมิ เรียนจบมหาวิทยาลัยก็แต่งงาน สามีเป็นคนเมืองกาญจน์ฯ จึงย้ายมาสร้างครอบครัวอยู่ที่เมืองกาญจน์ฯ โดยทำงานเป็นเลขานุการอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ นาก็เหมือนลูกอีสานทุกคนที่มีความเป็นเกษตรกรอยู่ในสายเลือด จึงซื้อที่ดินที่เมืองกาญจน์ฯ 5 ไร่ ทำเกษตรแบบผสมผสาน ที่ดินแถวนั้นเป็นไร่มันสำปะหลัง มีการฉีดยาฆ่าหญ้า ใช้ปุ๋ยเคมีตลอด ส่งผลเสียต่อระบบนิเวศน์ในดิน เพราะสารเคมีไปทำลายแมลง และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของพืช

นา ก็เลยเริ่มทำการศึกษาว่าจะทำเกษตรให้ยั่งยืนได้อย่างไร โดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมี ก็พบว่าการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อปรับปรุงดินสามารถตอบโจทย์ได้หมด มูลมีคุณภาพดีที่สุดในบรรดามูลของสัตว์ น้ำหมักไส้เดือนก็ฉีดกำจัดตัวอ่อนของเพลี้ย บำรุงดิน ตัวไส้เดือนเองก็ใช้เป็นอาหารของสัตว์อื่น อย่างเช่น ปลา กบ ได้อีกด้วย นา จึงขอซื้อจากรุ่นน้องที่อ่างทองแล้วนำมาขยายพันธุ์ เป็นไส้เดือนพันธุ์แอฟริกัน ไนท์ ครอว์เลอร์ (African Night Crawler) หรือ AF นำเข้ามาจากต่างประเทศ มีคุณสมบัติพิเศษ คือ ทานเก่ง จึงผลิตปุ๋ยได้มาก และขยันขยายพันธุ์ พร้อมกับศึกษาวิธีการเลี้ยงจากฟาร์ม

“ปีที่แล้วแม่นาเสีย ที่ดินที่ใช้ทำนาเกือบ 30 ไร่ที่ท่านสร้างไว้ไม่มีใครสานต่อ นา จึงกลับมาอยู่กับพ่อ โชคดีที่พ่อแม่นาเริ่มไว้ให้ 60% วางระบบน้ำ ทั้งน้ำบ่อ และน้ำบาดาล นา จึงแบ่งเนื้อที่ 15 ไร่ ปลูกผัก เลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ด ดัดแปลงโรงเลี้ยงหมูเก่ามาเลี้ยงไส้เดือนหลายหมื่นตัว ได้มูลเป็นปุ๋ย กับน้ำหมักไส้เดือนไว้ฉีดป้องกันเพลี้ย จะมีพ่อค้าเหมาซื้อกิโลละ 300 บาท กับ อบต. และหน่วยงานการเกษตรที่มารับไปส่งเสริมให้ชาวบ้านเลี้ยง ขนาดนา ขายปุ๋ยมูลไส้เดือนให้ชาวบ้านเพียงกิโลกรัมละ 15-20 บาท จากราคาเริ่มต้นที่ 60 บาท เพื่อให้เขาได้ใช้แทนปุ๋ยเคมี ก็ยังได้รับความสนใจน้อย ลูกค้านาส่วนมากจึงเป็นกลุ่มคนวัยเกษียณที่เห็นสุขภาพสำคัญกว่าเงิน มีทั้งจากกรุงเทพฯ ระยอง เชียงใหม่ ซื้อไปเลี้ยงใส่ในแปลงต้นไม้ เพื่อเปลี่ยนเป็นปุ๋ย

“อนาคตนาคิดว่าจะเลี้ยงกบ แล้วนำไส้เดือนมาเป็นอาหารกบ นา อยากเป็นตัวอย่างให้เกษตรกรได้เห็นว่า สามารถบริหารจัดการการเกษตรได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องง้อพ่อค้าคนกลาง เชื่อไหม นา ลาออกจากงานมาทำเกษตร และเลี้ยงไส้เดือนประมาณ 5 เดือน มีรายได้พอๆ กับทำงานประจำที่ใช้วุฒิปริญญาตรี 7-8 ปี ไม่ถูกตำหนิเหมือนตอนอยู่ในระบบการทำงาน มีแต่ความสุข ต่อยอดขึ้นทุกวัน ขอเวลา 2 ปี จะสามารถอยู่โดยไม่ง้อพ่อค้าคนกลาง และเป็นศูนย์เรียนรู้ได้เลย

ไส้เดือนบุกพรวนดินอีสาน ดีแทค รุกสร้างเครือข่ายให้เกษตรกร

“ตอนนี้ฟาร์มเลี้ยงไส้เดือนที่ชัยภูมิ ที่พอเป็นที่รู้จักมี 3 ฟาร์ม นาตาฟาร์มเป็นหนึ่งในนั้น นา พยายามประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยจากมูลไส้เดือนเยอะๆ แต่คงต้องใช้เวลา เพราะเขาใช้ปุ๋ยเคมีจนชิน พอโครงการ Smart Farmer ของดีแทค เข้ามาสอนหลักสูตรการทำการตลาดสินค้าเกษตรออนไลน์ จากที่นา เคยใช้เฟซบุ๊กไว้พูดคุย ก็ทำให้เราเห็นคุณค่าของเพจว่า เหมือนเป็นหน้าร้าน นา ถามวิทยากรอย่างละเอียดเลยถึงการใช้เฟซเพื่อการสื่อสารทางการตลาด อย่างน้อยน่าจะเป็นช่องทางช่วยประชาสัมพันธ์ และแชร์ประสบการณ์ให้คนรักไส้เดือนได้กว้างขึ้น

เรียนเสร็จก็กลับมาสร้างเพจตั้งชื่อว่า นาตาฟาร์ม มาจากเป็นที่นาของพ่อ และเป็นตาของลูกนา ตั้งใจให้เป็นเพจสำหรับคนรักไส้เดือน โดยนำรูปตั้งแต่เริ่มต้นเลี้ยงไส้เดือนมาลงทีละขั้นตอน จากที่เคยเซลฟี่กับไส้เดือนซื่อๆ ได้เรียนรู้หลักการถ่ายภาพจากดีแทค ทำให้ได้มุมที่สวยขึ้น ดีแทค ยังสอนให้ใช้รูปจากสติ๊กเกอร์ไลน์มาแต่งภาพ ทำให้เพจน่าสนใจขึ้น นา อัปโชว์เพื่อนในกลุ่มไลน์ กลุ่มเฟซ เพื่อนเห็นก็บอกให้สอนบ้าง ชีวิตดีขึ้นเยอะเลย จากที่เคยโพสต์ลงเฟซแบบซื่อๆ รวมหลายเรื่องในชีวิต เวลาลูกค้าถามเรื่องไข่ไส้เดือน ก็ต้องเสียเวลาย้อนขึ้นไปหามาตอบ แต่พอมีเพจสามารถให้เขาเข้าไปดูได้เลย ฝากไลก์ ฝากแชร์ด้วย หากมีปัญหาก็ส่งข้อความมาถามได้ นา ยินดีตอบ ไม่กั๊ก ไม่หมกเม็ด นา เชื่อว่า เมื่อเขาวางใจ ยอดซื้อจะตามมาเอง เหมือนที่ลูกค้าเข้ามาสั่งของในเฟซบุ๊ก เป็นการค้าขายที่ยั่งยืนกว่า

“นา พูดจากใจเลยว่า โครงการ Smart farmer ของดีแทค ดีมาก หากเพจไส้เดือนสมบูรณ์แล้ว จะทำเพจข้าว เพราะอาชีพหลักนา คือ ปลูกข้าว ทำโรงสี แปรรูปข้าวทุกชนิด เป็นเพจที่เน้นข้าวจากมือชาวนาถึงมือผู้บริโภค”



(พื้นที่ประชาสัมพันธ์)

กำลังโหลดความคิดเห็น