ซัมซุง เริ่มนำเสนอความเป็นพรีเมียมของเทคโนโลยีบนทีวี ในชื่อ “SUHD TV” ในปี 2015 เพื่อตอกย้ำถึงความล้ำสมัยใน 3 ด้านหลักๆ คือ ความสมจริงของภาพ ผสานกับการทำงานที่หลากหลาย บนดีไซน์ที่ลงตัว ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงปีที่ผ่านมา กลุ่มผลิตภัณฑ์ “SUHD TV” ได้ก้าวขึ้นมาครองตลาดในกลุ่มพรีเมียมในทันที โดยเฉพาะในกลุ่มทีวีจอโค้งที่ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการรับชมทีวี
พอมาถึงในปี 2016 แน่นอนว่า ทีวีซัมซุงก็ไม่หยุดพัฒนาเทคโนโลยีบน “SUHD TV” ด้วยการนำเทคโนโลยีในรุ่นเดิมมาปรับปรุงประสิทธิภาพให้มากยิ่งขึ้น ภายใต้ซีรีส์ KS9000 ที่ถือเป็นแฟลกชิปในปีนี้ของซัมซุง ในกลุ่มทีวีจอโค้ง (Curved) ซึ่งมีให้เลือกด้วยกัน 3 ขนาด คือ 55 นิ้ว 65 นิ้ว และ 78 นิ้ว
***3 เทคโนโลยีบนทีวีซัมซุง “SUHD TV”
โดย 3 เทคโนโลยีหลักๆ ที่ซัมซุงเพิ่มเข้ามาในทีวีรุ่นใหม่ของปีนี้ จะไล่กันตั้งแต่การแสดงภาพภายใต้ 1.เทคโนโลยี Eco-Friendly Quantum Dot หรือในชื่อเดิม คือ Nano Crystal Color ที่ช่วยให้จอภาพสามารถแสดงสีได้ถึง 1 พันล้านเฉดสี ซึ่งเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีการแสดงผลในรุ่นเก่าจะแสดงสีสันได้มากกว่าเดิมถึง 64 เท่า
ถัดมา คือ การนำระบบ 2.ชดเชยแสง (HDR) มาช่วยในการแสดงผลภาพ เพื่อให้สามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้ทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่เป็นเงามืดจนถึงจุดที่สว่างที่สุด เพื่อให้ได้รายละเอียดที่คมชัด ซึ่งสามารถให้ความสว่างได้ถึง 1000 nit ซึ่งซัมซุงเรียกเทคโนโลยีนี้ว่า HDR 1000
นอกจากนี้ เพื่อให้การรับชมภาพจากทีวีสมจริงขึ้นไปอีก ซัมซุงจึงนำเทคโนโลยีในการแสดงผลอย่าง 3.Ultra Black มาช่วยในการลดการสะท้อนของแสงจากภายนอก เพื่อให้ได้สีที่ดำสมจริง ผสมไปกับเทคโนโลยีอย่าง Peak Illuminator Ultimate ที่ช่วยให้ภาพสว่างสมจริงมากยิ่งขึ้น
***Smart TV Samsung ชูความฉลาด และง่าย
นอกเหนือไปจากเทคโนโลยีของการแสดงผลแล้ว อีกจุดที่ทำให้ทีวีซัมซุงโดดเด่นขึ้นมาในตลาด คงหนีไม่พ้นฟีเจอร์ในสมาร์ททีวีภายใต้ระบบปฏิบัติการ Tizen ที่มีการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของการรับชมคอนเทนต์ที่ไม่ได้จำกัดเพียงแค่รายการทีวีที่ถ่ายทอดสดผ่านระบบทีวีดิจิตอล แต่ขยายไปถึงการรับชมคอนเทนต์แบบสตรีมมิ่งจากอินเทอร์เน็ตผ่านผู้ให้บริการอย่างยูทูป หรือการจับมือกับ NetFlix ในการให้บริการเช่าภาพยนตร์ภายในบ้าน
โดย 4 จุดเด่นในกลุ่มสมาร์ททีวีของซัมซุงที่ออกแบบมาเพื่อผู้บริโภคประกอบไปด้วย 1.Single Remote ระบบการควบคุมอุปกรณ์เชื่อมต่อจากรีโมตทีวี ที่สามารถใช้รีโมตทีวีของซัมซุงในการควบคุมเครื่องเล่นบลูเรย์ กล่องดาวเทียม ชุดเครื่องเสียง ที่เมื่อมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์เหล่านี้เข้ากับสมาร์ททีวีของซัมซุง จะแสดงชื่ออุปกรณ์แต่ละชิ้นขึ้นมาเมื่อกดเลือกแหล่งที่มาของคอนเทนต์ (Input) หลังจากนั้น ก็สามารถใช้รีโมตเดียวควบคุมได้ทันที ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องนำรีโมตจากทุกอุปกรณ์มากองรวมกันเพื่อหยิบใช้งานอีกต่อไป
2.Smart Hub หรือในส่วนของอินเทอร์เฟสในการใช้งาน ที่ง่ายต่อการเลือกเข้าถึงระบบต่างๆ ภายในสมาร์ททีวี เพียงแค่กดปุ่มโฮม จากนั้นเลือกเข้าไปยังหัวข้อที่ต้องการ ก็พร้อมใช้งาน เน้นความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ดังนั้น ใครๆ ก็สามารถใช้งานได้
3.TV Plus ที่เป็นช่องคอนเทนต์พิเศษ ให้ผู้ใช้สามารถรับชมคอนเทนต์ผ่านทางทีวี โดยใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมาช่วย ทำให้สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ที่หลากหลายขึ้น ขณะเดียวกัน ซัมซุงก็อยู่ในระหว่างการเตรียมคอนเทนต์ท้องถิ่นให้ผู้ชมชาวไทยสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นด้วย
4.Smart View แอปพลิเคชันที่เกิดขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้งานอุปกรณ์พกพาทั้งแท็บเล็ต สมาร์ทโฟน รวมถึงคอมพิวเตอร์ สามารถเชื่อมต่อไปยังสมาร์ททีวีซัมซุง เพื่อแสดงผลคอนเทนต์ผ่านระบบไร้สายได้ทันที ช่วยให้สะดวกต่อการแชร์ภาพถ่าย วิดีโอ ขึ้นบนทีวี รวมถึงยังสามารถประยุกต์ใช้เป็นรีโมตเพื่อควบคุม ทั้งการป้อนข้อมูลจากคีย์บอร์ดเสมือน ใช้แทนเมาส์ในการใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ต่างๆ
***ทีวีจอโค้งดีกว่าทีวีจอแบนอย่างไร
ด้วยแนวโน้มในการเติบโตของทีวีจอโค้งในตลาดประเทศไทย ที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปีที่ผ่านมา และจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในปีนี้ ทำให้หลายคนสงสัยว่า ทีวีจอโค้งมีดีกว่าทีวีจอแบนอย่างไร ทางซัมซุงได้ไขข้อข้องใจให้แก่ผู้ใช้งานภายใต้ 3 หัวข้อหลักๆ ที่น่าสนใจ
โดยเริ่มจากการนำผลวิจัยจาก Harvard Medical School ที่ระบุว่า ในการรับชมทีวีเป็นระยะเวลานานในระยะความห่างที่เท่ากัน การมองทีวีจอโค้งจะช่วยลดความเมื่อยล้าของสายตาได้ดีกว่าจอแบนปกติ เนื่องมาจากระยะในการจับภาพวัตถุของสายตาอยู่ในระนาบเดียวกันจากจอทีวีที่โค้งโอบรอบตัว ขณะที่การรับชมทีวีจอแบนระยะที่มุมซ้าย และขวาจะไกลขึ้นกว่าตรงจุดกลางของทีวี
ถัดมา คือ ทีวีจอโค้งให้ภาพในมุมที่กว้างกว่าทีวีจอแบน จากการที่ตัวจอโอบรอบรับกับสายตา ทำให้ได้มุมมองที่กว้างขึ้น แม้ในขนาดจอเดียวกัน ที่สำคัญ คือ ความโค้งของจอในแต่ละขนาดของทีวีต้องได้รับการออกแบบที่เหมาะสม ทำให้ได้รับประสบการณ์ที่คมชัดสมจริงมากที่สุด
สุดท้าย คือ การนำเทคโนโลยี Auto Depth Enhancer มาช่วยในการสร้างมิติภาพให้ดูสมจริง ด้วยการแบ่งวัตถุในแต่ละขั้นของภาพ ส่งผลให้ในการรับชมจะได้อรรถรสมากกว่าทีวีจอแบนทั่วไป
***เทียบกับแบรนด์อื่นในตลาด
แน่นอนว่าการที่ผู้บริโภคจะเลือกซื้อทีวีสักเครื่อง ต้องมีการเปรียบเทียบกันระหว่างหลายๆ แบรนด์ โดยจุดที่ผู้บริโภคควรให้ความสำคัญในการเลือกซื้อ คือ เรื่องของภาพที่ได้ว่ามีความสมจริงมากแค่ไหน ดังนั้น การเปรียบเทียบในเรื่องของการแสดงสีหลักที่สมจริง จึงถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด รองลงมา คือ การแสดงรายละเอียดของภาพที่ให้ความคมชัดในทุกจุด
ต่อมา คือ ในส่วนของเทคโนโลยีจอภาพที่ปัจจุบันจะมีการนำ OLED มาใช้งานในจอทีวีจากแบรนด์คู่แข่ง แต่ทางซัมซุงเชื่อว่า การแสดงผลบนเทคโนโลยี LED ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่า OLED มีอายุการใช้งานที่สั้นกว่า แม้ว่าจะให้สีดำที่สนิท แต่การใช้ LED ที่มีเทคโนโลยี Quantum Dot ช่วยจะทำให้สามารถไล่เฉดสีดำได้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ไม่นับรวมกับการแสดงผลของเฉดสีที่มากกว่า
(บทความประชาสัมพันธ์)
