xs
xsm
sm
md
lg

กูเกิลเปิดศึก AI ครองโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ซีอีโอกูเกิล ซันดาร์ พิชัย
งานประชุมนักพัฒนาประจำปี Google I/O ครั้งล่าสุด สะท้อนว่ากูเกิล (Google) เจ้าพ่อไอทีโลกกำลังวางเดิมพันกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (artificial intelligence) แบบหมดหน้าตัก ผ่านการเปิดตัวสินค้าใหม่ที่มุ่งเจาะตลาดวิถีชีวิตประจำวันของผู้ใช้ทั่วโลกมากกว่าเดิม แน่นอนว่า นโยบายนี้เติมเชื้อไฟให้กูเกิลเป็นคู่แข่งโดยตรงกับเฟซบุ๊ก (Facebook) อเมซอน (Amazon) และแอปเปิล (Apple) รวมถึงอีกหลายบริษัทที่กำลังมองตลาด AI เช่นเดียวกัน

การวางเดิมพันในศึก AI ของกูเกิลไม่ใช่เรื่องโคมลอย เพราะเวทีนี้กูเกิลแสดงจุดยืนชัดเจนว่าพร้อมเป็นทางเลือกใหม่ในตลาด AI ด้วยการนำระบบ AI ที่ปรับแต่ง และเรียนรู้ความต้องการของผู้ใช้ได้มาฝังในอุปกรณ์ออนไลน์ภายใต้ชื่อ “กูเกิลโฮม” (Google Home) ซึ่งจะกลายเป็นคู่แข่งของเอ็กโค่ (Echo) สินค้าลักษณะเดียวกันของเจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซอย่างอเมซอน (Amazon.com) ที่กำลังเป็นที่นิยมในตลาด

ไม่พอ กูเกิลยังลุยวางหมากในตลาดเทคโนโลยีเสมือนจริง หรือ VR (virtual reality) ด้วยระบบที่เรียกว่าเดย์ดรีม (Daydream) ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มเปิดกว้างที่พร้อมให้ผู้ผลิตรายอื่นนำไปใช้งานได้เสรี และจะกลายเป็นหนามตำใจโอคูลัส (Oculus) บริษัทลูกของเฟซบุ๊กที่กำลังนำหน้าในตลาด VR และมีแผนลุยสินค้ากลุ่ม AI เช่นเดียวกัน

ไม่เพียง AI ด้วยภาพ และเสียง กูเกิลยังนำความอัจฉริยะมาสู่บริการสนทนาพันธุ์ใหม่ที่บริษัทตั้งชื่อว่า “อัลโล” (Allo) งานนี้กูเกิลหวังชนทุกบริการแชตในตลาดด้วยการนำความเชี่ยวชาญบนโลกเสิร์ชเอนจินมาพยากรณ์ว่า ผู้ใช้จะตอบข้อความสนทนานั้นด้วยข้อความใด แถมผู้ใช้ยังมีสิทธิเลือกส่งลิงก์ วิดีโอ หรือข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องต่อการสนทนานั้นให้เพื่อนได้ง่ายดายกว่าระบบแชตค่ายอื่น

***พาเหรดล่าสุดพร้อมรบปีนี้

หนึ่งในสินค้าที่กูเกิลเปิดตัวในงานประชุมนักพัฒนาประจำปีเมื่อวันพุธ (18) ที่ผ่านมา จนเรียกความสนใจจากชาวโลกได้ล้นหลาม คือ Google Home ลำโพงไร้สายที่สามารถทำงานเป็นศูนย์สั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะในบ้านได้ กำหนดการวางจำหน่ายจริงคือปีนี้ พร้อมกับหลายบริการออนไลน์ที่จะเริ่มให้บริการจริงช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไป

ในวิดีโอสาธิต Google Home สามารถเปิดไฟในห้องได้เพียงผู้ใช้เอ่ยปาก ขณะเดียวกัน ก็ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้ นอกจากนี้ อุปกรณ์ใหม่ของกูเกิลยังสามารถช่วยให้เด็กน้อยสามารถทำการบ้านด้วยการหาคำตอบผ่านบริการเสิร์ช Google Search และแปลภาษา Google Translate ได้สะดวก

อย่างไรก็ตาม กูเกิลยังไม่เปิดเผยราคาจำหน่าย บนเหตุผลตรงไปตรงมาว่า อุปกรณ์นี้ยังรอการร่วมมือกับพันธมิตรอีกหลายราย ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้เป็นการเปิดตัวล่วงหน้าเพื่อดึงดูดผู้สนใจในอุตสาหกรรม ทำให้ไม่มีข้อมูลว่า Google Home จะราคาสูง หรือต่ำกว่า Echo ของอเมซอนที่จำหน่ายในราคา 180 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6,000-7,000 บาท

นอกจากนี้ ยังมีบริการ “กูเกิล แอสซิสเทนต์” (Google Assistant) ซึ่งต่อยอดจากบริการที่เริ่มติดตลาดแล้วอย่าง “โอเค กูเกิล” (OK Google) จุดนี้ ซีอีโอกูเกิล “ซันดาร์ พิชัย” (Sundar Pichai) สาธิตการทำงานของแอปพลิเคชันนี้ด้วยการขอให้ Google Assistant แนะนำภาพยนตร์ที่เข้าข่ายรสนิยมของเขาเอง แถมยังกล่าวเพิ่มให้ระบบรับรู้ว่า จะพาครอบครัวไปชมด้วย ผลคือ Google Assistant สามารถแสดงรายชื่อภาพยนตร์เหมาะต่อครอบครัวที่น่าสนใจได้

ชื่อ “Assistant” นี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่า ตั้งใจให้ขัดต่อชื่อระบบอัจฉริยะของค่ายอื่นที่นิยมตั้งชื่อคน เช่น ผู้ช่วยเสมือนของอเมซอนที่ใช้ชื่อ อเล็กซา (Alexa) หรือแอปเปิล ที่มี สิริ (Siri) และไมโครซอฟท์ ที่มี คอร์ทานา (Cortana)

อีกบริการที่น่าสนใจ คือ Allo แอปพลิเคชันรับส่งข้อความสนทนาใหม่ที่ทำให้กูเกิลกลายเป็นผู้ท้าชิงรายล่าสุดในสมรภูมิแอปสนทนาสุดดุเดือด ซึ่งมีเฟซบุ๊ก และอีกหลายบริษัทร่วมชิงชัยอยู่

สิ่งที่ทำให้ Allo ถูกมองว่าจะท้าชนวอตซ์แอป (WhatsApp), แมสเสนเจอร์ (Messenger) และไลน์ (Line) เต็มตัวคือ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องใช้ชื่อบัญชีจีเมล (Gmail) เพื่อลงชื่อใช้งาน แต่สามารถใช้เบอร์โทรศัพท์เท่านั้น

จุดเด่นของ Allo คือ การแนะนำข้อความตอบกลับเพื่อให้ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ รวมถึงการใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ภาพเพื่อแนะนำข้อความตอบกลับที่ “อัจฉริยะ” ยิ่งขึ้น เช่น กรณีที่มีผู้ส่งภาพสุนัขน่ารักมาให้ ระบบสามารถแนะนำข้อความว่า “Nice Bernese Mountain Dog” ซึ่งมีชื่อพันธุ์สุนัขในภาพเจาะจงมาให้ผู้ใช้เลือกด้วย

งานนี้กูเกิลยังเปิดตัวแอปพลิเคชันคุยโทรศัพท์ผ่านวิดีโอในชื่อ “ดูโอ” (Duo) บนจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือ คุณสมบัติชื่อ น็อกน็อก (Knock Knock) ซึ่งผู้ใช้จะได้เห็นภาพตัวอย่างวิดีโอสดก่อนการรับสาย คาดว่าจะเป็นฟีเจอร์ที่โดนใจผู้ใช้ทุกเพศทุกวัยทั่วโลก

เช่นเดียวกับ Allo แอปพลิเคชัน Duo จะพร้อมให้บริการบนอุปกรณ์ Android และ iOS ช่วงกลางปีนี้

ไม่เพียงบริการ และสินค้า กูเกิล เปิดตัวแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์เทคโนโลยี VR ในชื่อ Daydream ซึ่งถูกออกแบบให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์อื่นสามารถสร้างสินค้าเทคโนโลยี VR สุดซับซ้อนได้ง่ายขึ้น จุดนี้กูเกิลระบุว่า วางแผนให้ Daydream เป็นมาตรฐานเปิดสำหรับวงการอุปกรณ์พกพาเทคโนโลยี VR ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับที่กูเกิลเปิดให้แอนดรอยด์ (Android) ใช้เดินเพื่อเติบโตในวงการสมาร์ทโฟน

ล่าสุด ผู้ผลิตทั้งเอชทีซี (HTC), แอลจี (LG) และซัมซุง (Samsung) ขานรับว่า จะสร้างสมาร์ทโฟนที่รองรับแพลตฟอร์ม Daydream ถ้วนหน้า

***สางปมกลบจุดอ่อน

นอกจากการเปิดตลาดใหม่ หลายบริการที่กูเกิลเปิดตัวล่าสุดยังแสดงว่า เจ้าพ่อไอทีต้องการอุดช่องว่างปัญหาที่บริการของตัวเองเผชิญ ตัวอย่างเช่น การกลบจุดอ่อนเรื่องแอปพลิเคชันที่คู่แข่งอย่าง iOS ชนะอยู่ตลอดเวลา ด้วยการทำให้ผู้ใช้สามารถเปิดแอปพลิเคชันได้โดยไม่ต้องคลิกติดตั้งบนเครื่องอย่างในอดีต

คุณสมบัตินี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า อินสแตนต์ แอปส์ (Instant Apps) แนวคิดหลักคือ กูเกิลต้องการให้แอปพลิเคชันแอนดรอยด์สามารถทำงานได้เหมือนเว็บไซต์ ซึ่งแทนที่จะต้องเสียเวลาดาวน์โหลดแอป สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์จะสามารถดาวน์โหลดเพียงชุดคำสั่งที่จำเป็นเพื่อให้ผู้ใช้ได้เห็นผลลัพธ์ที่ต้องการเท่านั้น คาดว่า Android Instant Apps จะช่วยให้การชมวิดีโอผ่านแอป หรือการชอปปิ้งผ่านแอปสามารถทำได้ง่ายกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม Instant Apps ถูกวิเคราะห์ว่า เป็นการแก้ปัญหาผู้ใช้โหลดแอปแต่ไม่ค่อยใช้งาน ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในผู้ใช้แอนดรอยด์หลายสมัย จุดนี้กูเกิลระบุเพียงว่า คุณสมบัติใหม่นี้จะพร้อมให้บริการในช่วงไตรมาส 3 ผ่านแอนดรอยด์หลายเวอร์ชัน (ย้อนหลังถึงปี 2012)

สำหรับกรณีแอปพลิเคชันแชต และวิดีโอใหม่ นักวิเคราะห์บางรายมองว่า เป็นการปัดฝุ่นบริการ “แฮงเอาต์” (Hangouts) ของกูเกิลซึ่งไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม โฆษกกูเกิลให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทไม่มีนโยบายทิ้งบริการ Hangouts ไป และจะยังคงลงทุนเพื่อพัฒนาความสามารถให้ Hangouts ต่อเนื่องแน่นอน

งาน Google I/O ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่กูเกิลใช้พื้นที่จัดงานในเมืองเมาเทนวิว (Mountain View) เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นบ้านเกิดของกูเกิล ก่อนหน้านี้ กูเกิลเคยจัดงานในเมาเทนวิว เมื่อปี 2006 ก่อนจะย้ายไปใช้พื้นที่ในซานฟรานซิสโก เป็นหลัก ทั้งหมดนี้ซีอีโอกูเกิลกล่าวต่อผู้ร่วมงานกว่า 7,000 คนในครั้งนี้ว่า การหวนคืนสู่บ้านเกิดของกูเกิลครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อตอกย้ำจุดยืนเดิมในวันที่กูเกิลกำลังพัฒนาตัวเองไปอย่างก้าวกระโดด

ก้าวกระโดดไปครองโลกด้วยบริการเสิร์ชแล้ว ที่เหลือก็คือ ลุ้นว่าจะครองโลกด้วย AI สำเร็จด้วยไหม?
กำลังโหลดความคิดเห็น