xs
xsm
sm
md
lg

หมูไม่กลัวน้ำร้อน !!!(Cyber Weekend)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สังวร พุ่มเทียน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน)
หลังจากที่ เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา สังวร พุ่มเทียน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ได้ส่งหนังสือร้องเรียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้พิจารณาการบริหารงานเพื่อเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริษัท กสท โทรคมนาคม และขอให้ยกเลิกการไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 10-14 พ.ค.ซึ่งคาดว่าจะใช้งบในการเดินทางถึงจำนวน 4 ล้านบาท ขณะที่การดำเนินธุรกิจต่างๆ ไม่คืบหน้า เหตุบอร์ดอ่อนแอ ไม่กล้าตัดสินใจ ทั้งๆ ที่บริษัทอยู่ในช่วงเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ และสั่งให้พนักงานรัดเข็มขัดนั้น ปรากฏว่า คณะกรรมการ กสท ยังคงเดินทางไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

*** หลัง 17 พ.ค.นี้ร้องนายกฯอีกรอบ

สังวร กล่าวว่า ภายหลังที่สหภาพฯมีหนังสือดังกล่าวออกไป ก็มีกรรมการบริษัทบางคนโทร.มาสอบถามเหมือนกันว่าเพราะเหตุใดถึงทำเช่นนี้ แต่เมื่อได้อธิบายถึงสาเหตุไปแล้ว ก็ไม่เป็นผล การเดินทางก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้านอะไร แม้ 'สุรพันธ์ เมฆนาวิน' กรรมการ และรักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท โทรคมนาคม จะออกมาชี้แจงถึงความสำคัญของการไปดูงานและงบประมาณในการใช้จ่ายเพียง 2 ล้านบาท เท่านั้น แต่ก็เป็นที่ทราบทั่วกันอยู่แล้วว่า การไปดูงานต่างประเทศใช้เวลาดูงานเพียงนิดเดียว ที่เหลือคือเวลาพักผ่อน ซึ่งเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ กสท โทรคมนาคม ตกอยู่ในสภาวะต้องฟื้นฟูกิจการ และสุรพันธ์ เองก็อยู่ในตำแหน่งรักษาการ ซึ่งการเดินทางในช่วงวันที่ 10-14 พ.ค.แล้วใครจะบริหารงาน

สหภาพฯ มองว่าทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็น กสท โทรคมนาคม หรือ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ถูกลืมจากลูกค้าแล้วว่า 2 บริษัทนี้ก็คือผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายหนึ่งในตลาด ด้วยความที่ไม่กล้าตัดสินใจ ทั้งๆที่บริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีที่นับวันจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตลอดเวลา แต่การตัดสินใจเดินหน้าทำธุรกิจต่างๆกลับล่าช้า ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ในคลื่น 1800 MHz การนำ 4G มาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจให้มากที่สุด หลังจากที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) อนุมัติให้นำคลื่นมาบริหารจัดการได้

ที่เห็นชัดเจนคือการตัดสินใจเรื่อง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่มีการตั้งคณะกรรมการเจรจาขึ้นมาซึ่งล้วนแต่เป็นกรรมการทั้งสิ้น ซึ่งน่าจะจบ ไม่มีปัญหา แต่เมื่อนำเข้าที่ประชุมซึ่งมี 'ทรงพร โกมลสุรเดช' ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที ซึ่งเป็นตัวแทนจากภาครัฐมาร่วมประชุมด้วย กลับมีข้อสังเกตใหม่เพิ่มขึ้น ทำให้กรรมการไม่กล้าตัดสินใจอีก ทั้งๆที่เป็นผู้ไปเจรจามา จนต้องกลับไปเจรจากันใหม่ และนำเข้าที่ประชุมให้พิจารณาอีกครั้งในวันที่ 17 พ.ค.นี้

ดังนั้น สหภาพฯจะเฝ้าดูมติของที่ประชุมว่าจะเป็นอย่างไร หากยังไม่กล้าตัดสินใจอีก สหภาพฯจะทำหนังสือร้องถึงนายกฯอีกครั้งหนึ่ง และต้องออกมากดดันอีกครั้ง ซึ่งอาจไม่ใช่การประท้วง เพราะไม่ต้องการให้ภาพลักษณ์องค์กรเสีย

'ที่ผ่านมา ถามว่า กสท มีกำไรหรือไม่ แรกๆก็บอกว่ามี แต่หลังๆ เราไม่มั่นใจ เพราะกำไรที่มีคือการประหยัดขององค์กร ไม่ได้มาจากธุรกิจ สิ่งที่ตัวแทนรัฐกังวล เราเข้าใจเพราะเขาเป็นข้าราชการ แต่บอร์ดล่ะ ใครแต่งตั้งเข้ามา ทำไมไม่กล้าตัดสินใจ'

สำหรับรายชื่อของคณะกรรมการที่เดินทางไปดูงาน Japan IT Week Spring 2016 และดูงาน KDD/NTT ที่ประเทศญี่ปุ่นประกอบด้วย พล.อ.ทวีป เนตรนิยม ประธานกรรมการ , สุรพันธ์ เมฆนาวิน กรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ ,รัฐพล ภักดีภูมิ , ภูมิศักดิ์ อรัญญาเกษมสุข ,นันธิกา ทังสุพานิช ,พินิจ พัวพันธ์ ,นรินทร์ กัลยาณมิตร และ วินัย ดำรงมงคลกุล พร้อมที่ปรึกษา 4 คน รวมถึงผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่อีก 5 คน โดยใช้งบประมาณทั้งหมด 4.5 ล้านบาท และเหลือเพียงกรรมการอีก 4 คนเท่านั้น ที่ไม่ได้เดินทางไปด้วย คือ พล.ท. สุชาติ ผ่องพุฒิ ,อภิเนตร อูนากูล ,พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล และ ไพรสัณฑ์ วงศ์สมิทธิ์
สุรพันธ์ เมฆนาวิน กรรมการ และรักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท โทรคมนาคม
***ยันดูงานเพื่อธุรกิจในอนาคต

ด้าน สุรพันธ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท กล่าวว่า ตนเอง และสหภาพฯ มีการพูดคุยด้วยดีเสมอมาโดยในวันที่ 4 พ.ค.ยังได้ชี้แจงให้ประธานสหภาพฯ ฟังถึงเหตุผลในการไปดูงานที่ต่างประเทศ รวมถึงโครงการต่างๆ ที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดสหภาพฯ ถึงมีหนังสือดังกล่าวออกมาร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี โดยจากการวิเคราะห์ส่วนตัว เชื่อว่า สหภาพฯ อาจจะไม่พอใจเรื่องมติที่ประชุมของคณะกรรมการเรื่อง การเร่งรัดหนี้สินจากบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด ในเครือ ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ขอ กสท โทรคมนาคม ใช้งานคลื่นความถี่ย่าน 850 MHz ในรูปแบบผู้ให้บริการขายต่อ และขายส่งในโครงข่ายเสมือน (MVNO) ในอัตรา 18% ซึ่งทางกลุ่มทรู มีการใช้งานมาแล้วตั้งแต่ปี 2556 จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้มีการนำส่งค่าใช้บริการมาให้ กสท โทรคมนาคม แต่อย่างใด ซึ่งในการเจรจากรรมการยังไม่สามารถยอมรับเงื่อนไขของทรูได้ มติที่ประชุมจึงยังไม่มีข้อสรุปในการเร่งรัดหนี้สินดังกล่าว

ส่วนเรื่องการไปดูงานต่างประเทศ ขอชี้แจงว่า นี่เป็นครั้งแรกที่คณะกรรมการชุดนี้ซึ่งทำงานมากว่า 1 ปี นับตั้งแต่รัฐบาลประกาศให้ข้าราชการงดการดูงานต่างประเทศ ซึ่งคำสั่งนี้ก็ได้ยกเลิกไปแล้วเมื่อเดือน ต.ค.ปีที่ผ่านมา และการดูงานครั้งนี้นับเป็นสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรในการเดินหน้าทำธุรกิจใหม่ๆ ที่จะสร้างรายได้ให้แก่องค์กรในอนาคต โดยงานดังกล่าวจะเป็นการแสดงนวัตกรรมหลายๆด้าน เช่น สมาร์ท ซิตี้, อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงค์ เป็นต้น นอกจากนี้ คณะกรรมการยังได้นัดเจรจาทางธุรกิจกับบริษัทในประเทศญี่ปุ่น 2 บริษัท ด้วย คือ KDDI และ NTT เพื่อหาทางเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในอนาคต

'เรายังคงยึดแผนการเดินทางไปดูงานต่างประเทศเหมือนเดิม ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย จริงๆ ตัวเลข คือ 2 ล้านบาท ไม่ใช่ 4 ล้านบาท ซึ่งผมก็คุยกับประธานสหภาพฯ แล้วตอนที่เขามาท้วงติงเรื่องนี้ เราก็คุยกันด้วยดีผมจึงประหลาดใจมากที่สหภาพฯ มีหนังสือดังกล่าวร้องถึงนายกฯ ก่อนวันหยุดยาวเช่นนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเลย ส่วนโครงการต่างๆ เราก็ดำเนินไปตามขั้นตอน ซึ่งมีหลายเรื่องที่ต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบ'

*** สหภาพฯทีโอทีขอเวลาปัดกวาดบ้านก่อน

การเคลื่อนไหวของสหภาพฯกสท อาจตรงข้ามกับรัฐวิสาหกิจเพื่อนบ้านอย่างสหภาพฯ ทีโอที ที่ดูเงียบเหงาไปหมดทั้งกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน อนุชิต ธูปเหลือง รองประธานสหภาพฯ ทีโอที กล่าวว่า สหภาพฯทีโอทีไม่ได้นิ่งนอนใจในการตรวจสอบการทำงานของกรรมการและผู้บริหารทีโอทีแต่อย่างใด ยังคงมีการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง แต่ขอเวลาเคลียร์ปัญหาในสหภาพฯกันเองเสียก่อน เพื่อให้มีการทำงานที่โปร่งใส ไม่ทุจริต ไม่มีคอร์รัปชั่น จากบางกลุ่มที่เข้ามาหาผลประโยชน์จากการเป็นสหภาพฯ รับรองว่าขอเวลาอีกไม่นาน การเคลื่อนไหวของสหภาพฯต้องเกิดขึ้นแน่นอน เพราะตอนนี้เห็นการทำงานหลายอย่างที่ไม่คืบหน้าของกรรมการและฝ่ายบริหารของทีโอทีอยู่

การเคลื่อนไหวด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ยึดผลประโยชน์ขององค์กรเป็นที่ตั้ง ก็น่าจะได้รับการสนับสนุนจากพนักงานจำนวนมาก หากมากพอก็อาจทำให้น้ำ มันร้อนมากขึ้นจนหมูอาจต้องกลัวน้ำร้อนก็ได้ ใครจะรู้
กำลังโหลดความคิดเห็น