“วงใน” คว้าเงินลงทุนอินเว้นท์ ช่วยขยายฐานสู่ลูกค้าเอไอเอส

อินเว้นท์ (Invent) ร่วมลงทุน “วงใน (Wongnai)” เป็นรายแรกในสตาร์ทอัปซีรีส์ B หวังนำฐานข้อมูลของวงในเข้ามาเสริมบริการให้แก่ลูกค้าเอไอเอสกว่า 40 ล้านราย ด้านวงใน มั่นใจสามารถรักษาอัตราการเติบโตที่ 2 เท่า ภายใต้ 3 แผนหลักในการขยายตลาดปีนี้ ก่อนระบุว่า ปัจจุบันเป็นธุรกิจที่เหนือกว่าสตาร์ทอัปแล้ว

นายธนพงศ์ ณ ระนอง (ขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริษัทร่วมทุน บริษัท อินทัช โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยทิศทางการลงทุนของอินเว้นท์ (Invent) ในปีนี้ มองว่าอีโคซิสเตมส์ของบริษัทเทคโนโลยีอยู่ในช่วงที่กำลังเติบโต มีการเกิดขึ้นของสตาร์ทอัปรายใหม่ รวมถึงรายเดิมที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีนักลงทุนเข้ามาลงทุนในไทยมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญต่อการลงทุนบริษัทสตาร์ทอัปในระดับซีรีส์ A เป็นหลัก แต่ไม่ค่อยลงทุนในระดับซีรีส์ B อินเว้นท์ จึงเพิ่มการลงทุนในระดับซีรีส์ B เพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อให้บริษัทเหล่านี้สามารถเติบโต และขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

“การร่วมลงทุนในวงใน ซึ่งถือเป็นการลงทุนจากนักลงทุนไทยในบริษัทสตาร์ทอัปซีรีส์ B ของไทยเป็นครั้งแรกถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ นอกจากนี้ ด้วยการที่อินเว้นท์มีความเป็นมืออาชีพ เน้นการเติบโตร่วมกัน เมื่อลงทุนแล้วก็จะได้ผลตอบแทนทางกลยุทธ์เป็นหลักที่จะมาช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ให้แก่บริษัทในกลุ่มอินทัชอย่างเอไอเอส”

การลงทุนในวงในจะช่วยเพิ่มฐานข้อมูลร้านอาหารให้แก่เอไอเอส เพราะจากสถิติการใช้งานในปัจจุบันของลูกค้าเอไอเอสกว่า 70% จะใช้พรีวิลเลจเกี่ยวกับร้านอาหาร ในส่วนของการตอบแทนลูกค้า ดังนั้น การที่อินเว้นท์ลงทุนในวงใน ก็จะช่วยต่อยอดทางธุรกิจให้แก่เอไอเอสจากดีลนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

“งบลงทุนที่อินเว้นท์ตั้งไว้ในปีนี้ยังอยู่ที่ 200 ล้านบาทเช่นเดิม โดยการลงทุนในซีรีส์ B ก็จะเป็นเงินลงทุนมากกว่า 30 ล้านบาท เข้ามาถือหุ้นในวงในราว 10% เพื่อให้ความคล่องตัว และเชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ที่ชัดเจนก่อนเข้าตลาดใน 2-3 ปีข้างหน้า”

ที่ผ่านมา อินเว้นท์ ได้ลงทุนในสตาร์ทอัปทั้งในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท ใน 9 บริษัท ได้แก่ อุ๊คบี, คอมพิวเตอร์โลจี, เมดิเทคโซลูชั่น, ชินโนส, อินฟินิตี้เลเวล, เพลย์เบสิส, กอล์ฟดิกก์, ชอปสปอต และวงใน ซึ่งถือเป็นการลงทุนในระดับซีรีส์ B รอบแรกของทางอินเว้นท์

นายยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท วงใน มีเดีย จำกัด กล่าวเสริมว่า ทิศทางของวงในในอนาคตจะเน้นพัฒนาไปใน 3 ด้าน คือ การเพิ่มข้อมูลร้านในต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันครอบคลุม 5 เมือง คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต และหาดใหญ่ จะเพิ่มเป็น 7 เมืองในสิ้นปีนี้ คือ เพิ่มหัวหิน และนครราชสีมาเข้าไป

ถัดมาคือ การเปลี่ยนแคตตากอรีให้ครอบคลุมไลฟ์สไตล์มากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันที่มีร้านอาหาร และบิวตี้ ก็จะเพิ่มส่วนของท่องเที่ยวเข้ามา โดยปัจจุบัน คอนเทนต์ในกลุ่มบิวตี้มีสัดส่วนราว 15% คิดเป็นรายได้จากกลุ่มบิวตี้อยู่ที่ 10% และคาดว่าภายในสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 20% ของรายได้วงใน

“สิ่งที่วงในต้องทำคือ เมืองไทยไม่ใช่ประเทศกรุงเทพฯ ดังนั้น จึงเน้นการขยายให้ครอบคลุมต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ ทุกเมืองที่ไปเปิดต้องสามารถสร้างรายได้ในทุกเมืองที่ขยายไป ขณะเดียวกัน การเพิ่มกลุ่มอย่างท่องเที่ยวเข้ามาก็จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นด้วย”

สุดท้ายคือ ในส่วนของการสร้างรายได้ที่ปัจจุบันรายได้หลักจะมาจากการโฆษณาเป็นหลัก ที่ต้องทำเพิ่มคือ การสร้างรายได้จากกิจกรรมอื่นๆ อย่างการขายดีล รวมถึงการที่วงในร่วมกับทางไลน์ (LINE) ที่นำบริการ LINE Man เข้ามาช่วยรับส่งอาหารจากฐานลูกค้าร้านอาหารในวงในกว่า 1,000 ร้านค้า

“การเติบโตของวงในในช่วงที่ผ่านมา จะเติบโตที่ราว 2 เท่า มีปีล่าสุด ที่เติบโตถึง 2.5 เท่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้จากโฆษณาเป็นหลัก ดังนั้น ในปีนี้จึงตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ราว 2 เท่าเช่นเดิม เพราะมองว่ารายได้จากโฆษณาอาจจะไม่เติบโตเหมือนที่ผ่านมา แต่จะสร้างรายได้จากทรานแซกชันที่เกิดขึ้นภายในแอปพลิเคชันมากกว่า พร้อมกับการเพิ่มจำนวนลูกค้าที่ใช้งานต่อเดือนขึ้นไปอยู่ที่ 6 แสนราย”

ปัจจุบัน วงในมีฐานลูกค้าที่ลงทะเบียนราว 2 ล้านราย มีจำนวนผู้ใช้งาน 9 ล้านครั้งต่อเดือน คิดเป็นจำนวนผู้ใช้ประจำในแต่ละเดือนราว 6 แสนราย มีจำนวนร้านค้าในระบบกว่า 2 แสนร้านค้า จำนวนรีวิวกว่า 4 ล้านชิ้น ซึ่งกว่า 99% มาจากผู้ใช้งาน ซึ่งในส่วนของการพัฒนาในอนาคตจะเน้นที่การนำข้อมูลที่มีในระบบมาพัฒนาให้เหมาะต่อลูกค้าแต่ละรายมากยิ่งขึ้น

Company Relate Link :
Wongnai