เอชพี อิงค์ เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ PageWide นวัตกรรมการพิมพ์ล่าสุดที่เชื่อว่าพิมพ์เร็วที่สุดในโลก ด้วยการย่อส่วนเทคโนโลยีการพิมพ์ในโลกอุตสาหกรรมให้ลงมาอยู่ในเครื่องพิมพ์ขนาดองค์กร พร้อมเปิดตัวเครื่องพิมพ์ PageWide, OfficeJet Pro และ LaserJet ใหม่กว่า 15 รุ่น ชี้ประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโต เทรนด์การเช่าซื้อมาแรงช่วยบริหารต้นทุนองค์กร ชูโซลูชันที่คลุม 3 ยุทธศาสตร์ เครื่องดี มีความปลอดภัย เคลื่อนย้ายสะดวก พร้อมรุกตลาดเอสเอ็มอีตอบสนององค์กรทุกระดับ
โก คง เม็ง ผู้จัดการทั่วไปและกรรมการผู้จัดการ SEATH-K เอชพี อิงค์ เปิดเผยในงาน HP Commercial Print Launch 2016 # PrintingReinvented ซึ่งจัดขึ้นที่มาเก๊า ว่า ประเทศไทยยังมีศักยภาพในการเติบโตด้านเครื่องพิมพ์ในหลายภาคส่วน และยังคงเป็นเป้าหมายสำคัญของการทำตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของเอชพีเช่นเดิม โดยการเช่าซื้อเป็นเทรนด์ของการเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่เฉพาะที่ประเทศไทย หรือเฉพาะสินค้าเครื่องพิมพ์เท่านั้น ด้วยกระบวนการทางบัญชี ตลอดจนความง่าย และสะดวกสบายในการจัดการ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดเทรนด์ของการเช่าซื้อแบบครบวงจรขึ้นมา แน่นอนว่า การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมดังกล่าวส่งผลต่อรูปแบบ และแพกเกจการเช่าซื้อที่จะต้องมีตัวเลือกของการชำระค่าเช่าซื้อในรูปแบบจ่ายตามการใช้งานมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ในด้านการทำธุรกิจ เอชพี อิงค์ ให้ความสำคัญต่อยุทธศาสตร์ 3 ส่วนหลัก คือ 1.การสร้างยอดขายจากรูปแบบการเช่าซื้อ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นใหม่ 2.ความปลอดภัยของข้อมูล ที่นอกเหนือไปจากตัวเครื่องที่มีระบบความปลอดภัยในการเข้าใช้แล้ว การตรวจเช็กความปลอดภัยของการบุกรุกก็ยังคงให้ความสำคัญไม่แพ้กัน โดยมีการแบ่งขั้นตอนการทำงานอัตโนมัติด้านความปลอดภัยออกเป็น 3 ระดับ คือ 1.เริ่มการปกป้องตั้งแต่เริ่มเปิดเครื่อง 2.การตรวจสอบเครื่องพีซี หรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อว่ามีความปลอดภัย และน่าเชื่อถือเพียงพอหรือไม่ และสุดท้าย 3.การตรวจสอบระบบ Runtime ซึ่งเป็นข้อมูลเชิงลึกทางด้านเทคนิคก่อนการใช้งาน เพื่อป้องกันการบุกรุกข้อมูลที่สำคัญบนเครือข่าย
ขณะที่ยุทธศาสตร์ที่ 3.เป็นการออกแบบสินค้าให้ตอบสนองเทรนด์ของการใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยีที่รองรับทั้ง NFC การใช้สมาร์ทโฟนสั่งพิมพ์ด้วยการแตะสมาร์ทโฟนที่มีระบบ NFC บนตัวเครื่องพิมพ์ e-Print ระบบการสั่งการพิมพ์จากแอปพลิเคชัน ซึ่งจะสั่งได้จากทั่วโลกขอเพียงเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้เท่านั้น และยังมีการเชื่อมต่อแบบ Touch & Print ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการสั่งผ่านเครือข่าย และต้องยืนกดที่ตัวเครื่อง เพื่อลดการสูญเสียเมื่อต้องใช้เครื่องพิมพ์ร่วมกันหลายคน และอาจจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ และสุดท้ายเป็นการรองรับ API เพื่อการเชื่อมต่อที่ดีขึ้น พร้อมแอปพลิเคชันที่ช่วยในการสั่งการที่ง่ายดาย
ด้าน นายปวิณ วรพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอชพีอิงค์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การเปิดตัวสินค้าใหม่ของเอชพีในครั้งนี้จะกระตุ้นให้เอชพีขึ้นเป็นผู้นำทางด้านนวัตกรรมการพิมพ์ที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยเทคโนโลยี PageWide ซึ่งนอกจากจะเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ดึงความสามารถของเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ย่อส่วนลงมาให้เล็กลงแล้ว ยังเปลี่ยนรูปแบบการจัดวางอุปกรณ์จากเดิมที่ใช้หัวพิมพ์วิ่งไปมาเพื่อพ่นหมึกลงบนกระดาษ เปลี่ยนเป็นทำให้หัวพิมพ์ครอบคลุมกระดาษทั้งแนว แล้วใช้การเลื่อนกระดาษเพื่อพิมพ์ ทำให้เกิดความรวดเร็วในการพิมพ์เป็นอย่างมาก โดยมีความเร็วในการพิมพ์กว่า 75 แผ่นต่อนาที
ทั้งนี้ เอชพีแบ่งกลุ่มสินค้าออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่ม HP Officejet Pro ซึ่งได้พัฒนาหมึกพิมพ์ที่มีความสามารถพิเศษในการแห้งเร็ว และกันน้ำได้ในระดับหนึ่ง เพื่อป้องกันการเลอะระหว่างพิมพ์ และหลังพิมพ์ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความเร็วในการพิมพ์ได้อีกด้วย โดยหมึกพิมพ์มีต้นทุนต่อหน้าการพิมพ์ที่ต่ำกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ถึง 50% และยังรวมเอาคุณสมบัติด้านการบริหารจัดการ และความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้น ตลอดจนการพิมพ์ในระบบ mobile printing มารวมไว้ในเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่นี้เช่นกัน
2.กลุ่ม HP PageWide ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการผลิตงานพิมพ์ในลักษณะ work groups printing ของธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลาง ซึ่งพิมพ์ได้มากถึง 15,000 หน้าต่อเดือน ด้วยความเร็วในการพิมพ์สูงสุด 75 หน้าต่อนาที และ 3.กลุ่ม HP LaserJet ที่ช่วยให้ลูกค้าได้งานพิมพ์คุณภาพระดับโรงพิมพ์ พร้อมความเร็วในการพิมพ์ที่รวดเร็ว และคุ้มค่าสูงสุดในโหมดการพิมพ์ขาวดำ โดยเครื่องพิมพ์ LaserJet ใหม่ มาพร้อมตลับหมึกแท้เอชพี (Original HP Toner cartridge) ที่มีเทคโนโลยี JetIntelligence ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัยที่สุดสำหรับการพิมพ์เลเซอร์
ขณะที่การทำตลาดในประเทศไทยนั้นยังคงเน้นการขายไปที่กลุ่มองค์กร และเพิ่มเป้าหมายไปที่กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMB) มากขึ้น โดยจัดจำหน่ายผ่านคู่ค้า (channel partners) และร้านค้าปลีกที่ได้รับการแต่งตั้ง นอกจากนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้เปิดตัวยังเพิ่มจำนวนของอุปกรณ์ประเภท managed devices (อุปกรณ์ที่องค์กรควบคุมได้) ซึ่งออกแบบมาสำหรับคู่ค้าด้านช่องทางจำหน่ายที่ทำสัญญากัน และผ่านบริการ managed print services
เครื่องพิมพ์ HP PageWide ที่ให้บริการโดยทำสัญญาเหล่านี้ช่วยให้คู่ค้าด้านช่องทางจำหน่ายของเอชพี สามารถให้บริการด้วยต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำ และด้วยซัปพลายที่มีขีดความสามารถสูงสุดของเอชพี รวมถึงการรับประกันหัวพิมพ์ 3 ปี ความเร็วในการพิมพ์ที่สูงขึ้น และปริมาณการพิมพ์ต่อเดือน (RMPV) ที่สูงขึ้นในบางรุ่น ตลอดจนการทำงานเข้ากันได้กับระบบ HP JetAdvantage Management และเครื่องมือต่างๆ ของผู้ผลิตที่เป็นบุคคลที่สาม
ทั้งนี้ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ HP PageWide ในกลุ่ม managed devices สำหรับการใช้บริการในลักษณะสัญญาบริการ เอชพีช่วยให้คู่ค้าด้านช่องทางจำหน่ายมีโอกาสใหม่ๆ ในการมอบความพึงพอใจให้ลูกค้ามากขึ้น และเพื่อป้องกันการเข้าถึงงานพิมพ์ที่เป็นความลับโดยไม่ได้รับอนุญาต และการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากงานพิมพ์ที่ผิดพลาด ผู้ใช้ในกลุ่ม SMB สามารถเปิดใช้งาน HP JetAdvantage Private Print ได้ในลักษณะ on-demand และไม่มีค่าใช้จ่าย
งานพิมพ์แต่ละงานจะถูกจัดเก็บไว้อย่างปลอดภัยในระบบคลาวด์ จนกว่าผู้ใช้จะตรวจสอบสิทธิการเข้าถึง และเรียกเอางานจากเครื่องพิมพ์ นอกจากนี้ HP JetAdvantage Private Print ยังมีฟังก์ชันรองรับ HP Common Card Reader เพื่อการตรวจสอบสิทธิการเข้าถึงอย่างรวดเร็ว
ไม่เพียงเท่านั้น เอชพียังได้เปิดตัวบริการ HP Secure Managed Print Services (MPS) ใหม่ ที่มุ่งเน้นไปที่การรักษาความปลอดภัย บริการที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิธีการป้องกันในเชิงลึกของเอชพีในการส่งมอบอุปกรณ์ ข้อมูล และการรักษาความปลอดภัยของเอกสารที่ครอบคลุมมากที่สุดเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดย HP Secure MPS จะจัดหาผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยที่มีขีดความสามารถในการช่วยให้ลูกค้าสร้างเกราะป้องกันภัยให้ระบบการพิมพ์ของพวกเขาด้วยระบบป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่มีอยู่ในตลาด และรักษาความปลอดภัยต่อเนื่องไปในอนาคต เพื่อจัดการต่อภัยคุกคาม และเงื่อนไข ด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ เอชพี ยังเปิดตัวเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่กว่า 15 รุ่น โดยในกลุ่มเครื่องพิมพ์ HP PageWide ประกอบด้วยซีรีส์ HP PageWide Enterprise Color คือ 1.HP PageWide Enterprise Color 556 และ 2.HP PageWide Enterprise Color MFP 586 เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งพิมพ์ได้มากถึง 15,000 หน้าต่อเดือน ด้วยความเร็วในการพิมพ์สูงสุด 75 หน้าต่อนาที ทั้งนี้ คาดว่า HP PageWide Enterprise Color MFP 586 จะวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม ราคาเริ่มต้นที่ 1,999 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเครื่องพิมพ์ HP PageWide Enterprise Color 556 คาดว่าจะวางตลาดในเดือนพฤษภาคมนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 749 ดอลลาร์สหรัฐ และในซีรีส์ HP PageWide Pro 500 ประกอบด้วย 3.HP PageWide Pro 552dw และ 4.HP PageWide Pro MFP 577dw สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก พิมพ์ได้ถึง 6,000 หน้าต่อเดือน ด้วยความเร็วในการพิมพ์สูงสุด 70 หน้าต่อนาที คาดว่า PageWide Pro 500 series จะวางตลาดในเดือนเมษายนนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 699 ดอลลาร์สหรัฐ และสุดท้ายซีรีส์ P PageWide Pro 400 ซึ่งประกอบด้วย 5.HP PageWide Pro 452dw และ 6.HP PageWide Pro MFP 477dw สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก โดยพิมพ์ได้ถึง 4,500 หน้าต่อเดือน ด้วยความเร็วในการพิมพ์สูงสุด 55 หน้าต่อนาที คาดว่า PageWide 400 series จะวางตลาดในเดือนเมษายนนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 499 ดอลลาร์สหรัฐ
และเอชพียังเปิดตัวกลุ่มเครื่องพิมพ์ OfficeJet Pro ใหม่ ประกอบด้วย 7.HP OfficeJet Pro 8710/8720/8730/8740 All-in-One และ 8.HP OfficeJet Pro 8210 ให้งานพิมพ์คุณภาพระดับมืออาชีพด้วยต้นทุนค่าใช้จ่ายต่อหน้าที่ต่ำกว่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์ถึง 50% เหมาะสำหรับงานพิมพ์เล็กๆ น้อยๆ และงานพิมพ์สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก สูงสุด 2,000 แผ่นต่อเดือน เครื่องพิมพ์ HP OfficeJet Pro 8720/8730/8740 All-in-One มาพร้อม HP Print Forward Design ที่ให้ผลิตภาพงานพิมพ์สำหรับสำนักงานที่เหนือชั้นกว่า ด้วยความเร็วสูงสำหรับทั้งการพิมพ์ 2 ด้าน และงานสแกน พร้อมรูปแบบการจัดการกระดาษ เช่นเดียวกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ และการออกแบบที่ประหยัดพื้นที่ ช่วยประหยัดพื้นที่ในสำนักงาน
ส่วนเครื่องพิมพ์ HP OfficeJet Pro 8730/8740 All-in-One และเครื่องพิมพ์ HP OfficeJet Pro 8210 มาพร้อมคุณสมบัติด้านการบริหารจัดการ และความปลอดภัยที่ดีขึ้น คาดว่า The OfficeJet Pro 8700 series จะวางจำหน่ายในเดือนเมษายนนี้ เริ่มต้นที่ 199.99 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วน OfficeJet Pro 8210 คาดว่าจะวางจำหน่ายในเดือนสิงหาคม ราคา 129.99 ดอลลาร์สหรัฐ และ 9.HP OfficeJet Pro 6960/6970 All-in-One ให้งานพิมพ์คุณภาพระดับมืออาชีพ แต่มีต้นทุนค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการพิมพ์เลเซอร์กว่าครึ่ง คาดว่าจะวางจำหน่ายในเดือนกรกฎาคม ราคาเริ่มต้นที่ 149.99 ดอลลาร์สหรัฐ
รวมทั้งกลุ่มเครื่องพิมพ์ HP LaserJet ใหม่ ได้แก่ซีรีส์ 10.HP LaserJet Pro M501 เครื่องพิมพ์ขาวดำฟังก์ชันเดียวสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดกลาง ให้ปริมาณงานพิมพ์สูงสุด 6,000 หน้าต่อเดือน การพิมพ์หน้าแรกเร็วที่สุดนับจากสถานะพักเครื่อง (sleep) และการใช้พลังงานรวมต่ำสุดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง คาดว่าจะวางจำหน่ายในเดือนเมษายนนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 499 ดอลลาร์สหรัฐ ซีรีส์ 11.HP Color LaserJet Pro MFP M377 เครื่องพิมพ์สีแบบมัลติฟังก์ชันสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ให้ปริมาณงานพิมพ์สูงสุด 4,000 หน้าต่อเดือน คาดว่าจะวางจำหน่ายในเดือนเมษายนนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 439 ดอลลาร์สหรัฐ
Company Related Link :
HP Thailand