เลอโนโว ประกาศความชัดเจนในการทำตลาดแบรนด์คู่ “เลอโนโว-โมโต” พร้อมแบ่งเซกเมนต์ในการจับกลุ่มลูกค้าชัดเจน ตั้งเป้ายอดขายทั้ง 2 แบรนด์รวมกัน 1 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา ด้วย 4 กลยุทธ์ขยายตลาดระดับภูมิภาค ทำโปรโมชันกระตุ้นผ่านช่องทางจำหน่ายรีเทล รักษาการเติบโตในตลาดออนไลน์ และความร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ
แหล่งข่าวจากเลอโนโว ระบุว่า ภายในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม ทางเลอโนโวจะมีการเปิดตัวแบรนด์ โมโต อย่างเป็นทางการในประเทศไทย หลังจากที่ทางเลอโนโว ได้เข้าซื้อกิจการในส่วนของโทรศัพท์มือถือของโมโตโรล่า และถือเป็นประเทศที่ 3 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย
“ผลิตภัณฑ์ของโมโตที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยจะมีทั้งส่วนของสมาร์ทโฟน และนาฬิกา เพียงแต่จะมีการเลือกรุ่นให้เหมาะสมต่อสภาพตลาดของประเทศไทย โดยโมโตโรล่าจะมาจับกลุ่มลูกค้าเฉพาะในช่วงระดับราคาสูงกว่า 8,000 บาท ส่วนที่เหลือจะใช้แบรนด์เลอโนโว”
สำหรับความท้าทายที่สำคัญของการนำ โมโต กลับเข้ามาในตลาดประเทศไทย คือ เรื่องของตัวผลิตภัณฑ์ซึ่งจะเน้นลูกค้ากลุ่มเฉพาะทาง เนื่องจากโมโตใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์แบบ Pure Google ทำให้ไม่ได้มีการปรับแต่งระบบใดๆ พิเศษมาใช้งาน แต่ก็การันตีด้วยการที่ตัวเครื่องสามารถอัปเกรดแอนดรอยด์ เวอร์ชันใหม่ที่ออกมาได้แน่นอน
“เมื่อโมโตมีจุดขายที่ชัดเจน จึงถือเป็นโชคดีของเลอโนโวที่สามารถนำโมโตเข้าไปทำตลาดในกลุ่มลูกค้าแบบเจาะจงได้ แต่ที่สำคัญคือ สมาร์ทโฟนที่นำเข้ามาจำหน่ายต้องไม่ทับไลน์ระดับราคากัน เพราะจะทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสน นอกจากนี้ ก็จะมีการเพิ่มระยะเวลารับประกันให้ยาวนานขึ้นจากปกติอยู่ที่ 1 ปี ก็อาจจะมากกว่านั้น”
ทั้งนี้ โครงสร้างการบริหารของ เลอโนโว ในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ฝั่งธุรกิจพีซี ทั้งส่วนของคอนซูเมอร์ และองค์กร กับอีกฝั่งคือ ธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ที่จะดูแลทั้งสมาร์ทโฟนแบรนด์เลอโนโว และสมาร์ทโฟนแบรนด์ โมโต ไปพร้อมๆ กัน
นายทวนทอง ศรีวิเชียร ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน บริษัท เลอโนโว ประเทศไทย จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มถึงทิศทางการทำตลาดธุรกิจมือถือปีนี้ว่า เลอโลโว จะมีการปรับกลยุทธ์หลักๆ ด้วยกัน 4 แนวทาง ตั้งแต่ในเรื่องของการกระจายสินค้าผ่านดิสทริบิวเตอร์ที่ปัจจุบันใช้ทางเอสไอเอส ดิสทริบิวเตอร์อยู่ ก็จะมีการเพิ่มพนักงานฝ่ายขายไปเจาะตลาดในแต่ละภูมิภาคมากยิ่งขึ้น
ถัดมาคือ การรักษากลุ่มลูกค้ารีเทลที่เป็นร้านจำหน่ายโทรศัพท์อย่าง ทีจีโฟน เจมาร์ท ด้วยการจัดทำโปรโมชันกระตุ้นกำลังซื้อให้มีความต่อเนื่อง พร้อมไปกับการรุกเข้าไปในตลาดโมเดิร์นเทรดมากยิ่งขึ้น อีกกลุ่มคือ การรักษาฐานลูกค้าในส่วนของช่องทางจำหน่ายออนไลน์ ที่ทางเลอโนโว ถือว่าประสบความสำเร็จร่วมกับทางลาซาด้าในปีที่ผ่านมา
“การเพิ่มพนักงานฝ่ายขายมาดูแลใกล้ชิดในแต่ละภูมิภาคจะช่วยให้สัดส่วนการจำหน่ายสมาร์ทโฟนของเลอโนโวที่ปัจจุบันอยู่ในกรุงเทพฯ 40% ต่างจังหวัด 60% ขยับเป็น 50% เท่าๆ กัน พร้อมๆ ไปกับการเพิ่มยอดขายในแต่ละภูมิภาค ส่วนกลุ่มรีเทลก็จะมีการเทรนด์พนักงานให้ทราบถึงข้อมูลสินค้ามากยิ่งขึ้น ขณะการทำดีลพิเศษร่วมกับทางลาซาด้าก็จะมีออกมาอย่างต่อเนื่อง”
สุดท้ายคือ ในแง่ของความร่วมมือกับทางโอเปอเรเตอร์ในการจำหน่ายสมาร์ทโฟนแบรนด์ เลอโนโวเพื่อชิงตลาดลูกค้าที่ต้องการไมเกรดจาก 3G เป็น 4G ซึ่งปัจจุบันทางเลอโนโว ได้จับมือกับทางทรูมูฟ เอช ในการวางจำหน่ายอยู่แล้ว ก็จะมีการเพิ่มปริมาณสินค้ามากขึ้นเป็นไตรมาสละ 1-2 รุ่น
“ปีที่ผ่านมา ยอดขายสมาร์ทโฟนของเลอโนโวอยู่ที่ประมาณ 5 แสนเครื่อง เติบโตขึ้นจากปีก่อน 50% ขณะที่ในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะสามารถทำยอดขายได้ 1 ล้านเครื่อง จากทั้ง 2 แบรนด์ โดยจะเป็นสัดส่วนจากโอเปอเรเตอร์ประมาณ 40% ผ่านช่องทางออนไลน์ 15% ที่เหลือจะมาจากช่องทางจำหน่ายปกติ”
ส่วนของงบการทำตลาด เดิมเลอโนโวใช้งบในการทำตลาดอยู่ที่ราว 70-80 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ก็อาจจะมีการเพิ่มงบในการทำตลาดอีก 1 เท่าตัว จากการที่ต้องปรับยุทธศาสตร์ในการทำแบรนด์คู่ เพื่อตอบรับต่อความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมมากที่สุด
Company Relate Link :
Lenovo
