xs
xsm
sm
md
lg

ไอเอสเอสพีแนะจุดแข็ง SME ไทยใช้คลาวด์ขยายฐานลูกค้าในอาเซียน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายบัณฑิต ว่องวัฒนะสิน กรรมการผู้จัดการบริษัท อินเตอร์เนต โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิส โพรวายเดอร์ จำกัดหรือไอเอสเอสพี (ISSP)
ไอเอสเอสพี วิเคราะห์ปัจจัยหนุนจุดแข็งธุรกิจ SME ไทยในปี 2559 ต้องนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการนำคลาวด์มาเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจของตนเอง และเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมย้ำการนำคลาวด์มาใช้บริหารทำให้ธุรกิจ SME ไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว หากกล้าเปลี่ยน ธุรกิจไทยจะสามารถแข่งขันในตลาด AEC ได้อย่างง่ายดาย

นายบัณฑิต ว่องวัฒนะสิน กรรมการผู้จัดการบริษัท อินเตอร์เนต โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิส โพรวายเดอร์ จำกัด หรือไอเอสเอสพี (ISSP) กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ความเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มตัว ผู้ประกอบการขนาดเล็ก และขนาดกลางจำเป็นต้องวิเคราะห์การตลาดของประเทศเพื่อกำหนดกลยุทธ์ หรือทิศทางในการก้าวเข้าสู่การแข่งขันในตลาดที่ใหญ่กว่าในประเทศได้

ซึ่งจุดแข็งของประเทศไทยในตอนนี้คือ 1.เป็นฐานการผลิต 2.มีวัตถุดิบ 3.มีแรงงานที่มีฝีมือเฉพาะด้าน เช่น ด้านบริการท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์ความงาม และงานฝีมือ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ แต่สิ่งที่ขาดและจำเป็นต้องให้ความสำคัญ คือ การนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้า หรือบริการ ซึ่งจะพบว่าผู้ประกอบการไทยไม่ได้นำเรื่องระบบไอทีเข้าไปเกี่ยวข้องต่อธุรกิจเท่าที่ควร ทำให้การแข่งขันกับประเทศต่างๆ ในอาเซียนเป็นเรื่องยาก

“เมื่อเปิดเสรีอาเซียนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแรงงาน เงินทุน ทุกอย่างจะเข้ามาประเทศไทยได้หมด คนที่ได้เปรียบคือคนที่จัดการทุกอย่างได้ถูก และรวดเร็วที่สุด ไอเอสเอสพีมั่นใจว่าบริการคลาวด์จะช่วยเสริมธุรกิจของคนไทยที่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง และนำไปสู่การแข่งขันในระดับภูมิภาคของอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดที่ท้าทาย เพราะจากที่ผ่านมา ประเทศไทยส่งสินค้าไปขายในอาเซียนเพียง 18-19% จากกลุ่มคนกว่า 600 ล้านคน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก จึงอยากให้ผู้ประกอบการไทยหันมาให้ความสำคัญต่อตลาดตรงนี้ โดยอาศัยจุดแข็ง และข้อได้เปรียบที่มีมาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีให้เกิดประสิทธิผล”

ที่ผ่านมา อาจมองว่าประเทศไทยได้เปรียบด้านฐานของการผลิตที่ดี อยู่ในทำเลที่เป็นศูนย์กลางของด้านลอจิสติกส์ แต่การแข่งขันของธุรกิจในอนาคตจะเป็นเรื่องของออนไลน์ ความได้เปรียบดังกล่าวจึงไม่ใช่ปัจจัยสำคัญเท่ากับการวางแผนเรื่องระบบบริหารจัดการข้อมูลที่ดี ซึ่งประเทศไทยค่อนข้างเสียเปรียบในเรื่องความรู้ความเข้าใจด้านไอที หากเทียบกับสิงคโปร์ และมาเลเซีย แต่การที่มีบริการคลาวด์ออกมาในปัจจุบัน ทำให้ผู้ประกอบการสามารถที่จะเข้ามาใช้เทคโนโลยี หรือซอฟต์แวร์เพื่อการบริหารจัดการ อย่างเรื่องระบบการสำรองข้อมูล ระบบบัญชี ระบบหารบริหารจัดการคลังสินค้า ฯลฯ ผ่านบริการคลาวด์ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีบุคลากรทางด้านไอที ซึ่งสามารถเริ่มใช้งานได้อย่างง่าย และรวดเร็วซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะต่อไปจะเป็นการแข่งขันกันด้วยเรื่องเวลา และเรื่องของการจัดการให้ได้มีประสิทธิภาพสูงสุด

นายบัณฑิต กล่าวต่อว่า อยากให้คนทำธุกิจในเมืองไทยมองเห็นความสำคัญของการนำเอาเทคโนโลยีคลาวด์มาใช้ เพราะโดยมากธุรกิจจะมองที่ยอดขายเป็นสำคัญ แต่ไม่ค่อยให้ความสำคัญต่อระบบบริหารจัดการหลังบ้าน ซึ่งจริงๆ แล้วค่าใช้จ่ายต้นทุนที่เกิดจากการบริหารจัดการที่ไม่ดีล้วนแต่เป็นต้นทุนธุรกิจทั้งนั้น ดังนั้น เมื่อเปิดเออีซีแล้ว เรื่องการบริหารจัดการจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ความได้เปรียบเสียเปรียบในอดีตที่เป็นกลยุทธ์ในการจัดการธุรกิจที่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูง อย่างระบบการสำรองข้อมูล ระบบบัญชี ระบบบริหารคลังสินค้า การจัดเก็บข้อมูลฐานลูกค้า การจัดการหน้าเว็บไซต์ ฯลฯ

แต่ในปัจจุบันผู้ประกอบการสามารถใช้งานระบบเหล่านี้ได้ผ่านบริการคลาวด์ได้อย่างง่ายดาย และจะได้ระบบจัดการที่เหมือนบริษัทใหญ่ที่มีระบบไอทีขององค์กรเอง โดยไม่ต้องมีเซิร์ฟเวอร์ หรือระบบไอทีเอง อยู่ที่ไหนก็ใช้ซอฟต์แวร์ได้ เพียงแค่มีอุปกรณ์เชื่อมต่อ

“ฉะนั้นหากผู้ประกอบการไทยพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนนำเทคโนโลยีคลาวด์มาอยู่ในทุกกระบวนการทางธุรกิจ จะทำให้สามารถแข่งขันในตลาดอาเซียนได้ไม่ยาก และคลาวด์เหมาะต่อผู้ประกอบการ SME ในประเทศเป็นอย่างมาก เพราะมีราคาถูก ไม่ต้องลงทุนสูง แต่ก่อให้เกิดผลดีต่อองค์กรอย่างเห็นได้ชัดในเรื่องการบริหารจัดการ สามารถปรับเพิ่ม ขยาย ลดความต้องการใช้งานโซลูชันต่างๆ ได้ตามความต้องการ เมื่อมีระบบบริหารจัดการที่ดี เชื่อว่า SME จะก้าวไปขยายตลาดในประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างแน่นอน”

Company Related Link :
ISSP

Instagram


กำลังโหลดความคิดเห็น