ไซเบอร์ตรอน เผยปัจจุบันการโจมตีระบบสารสนเทศมีความซับซ้อนมากขึ้น พร้อมนำเสนอบริการป้องกันความเสี่ยงภัยลงตลาด ตั้งเป้ารายได้ปีแรก 20 ล้านบาท และ 100 ล้านบาทภายใน 3 ปี ชูบริการเด่น Cyber 911 ช่วยเฝ้าระวังภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เผยขณะนี้มีลูกค้าอยู่ในมือแล้วประมาณ 10 ราย ทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมไปถึงหน่วยงานความมั่นคงระดับประเทศ
นายปริญญา หอมอเนก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไซเบอร์ตรอน จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันภัยคุกคามที่มุ่งเน้นการโจมตีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น และมีหลายรูปแบบ ทำให้องค์กรต่างๆ มีความต้องการปกป้องตนเองจากภัยคุกคามดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น ไซเบอร์ตรอน จึงพร้อมรุกตลาดการบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว โดยตั้งเป้ารายได้ในปีนี้อยู่ที่ 20 ล้านบาท
ไซเบอร์ตรอน เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท เอซิสโปรเฟซชั่นนัล เซ็นเตอร์ จำกัด และบริษัท เจเนอรัล อิเลคทรอนิค คอมเมอร์ซ เซอร์วิสเซส จำกัด เพื่อนำเสนอบริการด้านความปลอดภัยไซเบอร์รูปแบบใหม่ จากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยที่มีประสบการณ์มานาน และได้รับใบรับรองด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในระดับสากล เช่น CISSP, GCIH, GREM, GXPN, และ OSCP เป็นต้น
“ไซเบอร์ตรอนมีทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท ที่ผ่านมา ได้มีการวางระบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะนำบริการมาออกสู่ตลาด โดยขณะนี้มี 3 บริการ ประกอบด้วย 1.Cyber Range 2.Cyber Drill Exercise และล่าสุด Cyber 911 โดยกลุ่มเป้าหมายจะเป็นทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยขณะนี้มีลูกค้าอยู่ในมือแล้วประมาณ 10 ราย อยู่ในกลุ่มสถาบันการเงิน องค์กรธุรกิจ และหน่วยงานราชการ อย่างเช่น หน่วยงานด้านความมั่นคงต่างๆ”
นายปริญญา กล่าวว่า จุดเด่นในบริการของไซเบอร์ตรอนอยู่ที่ราคาที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการในต่างประเทศ ประกอบกับการใช้เทคโนโลยี และความเชี่ยวชาญจากหลากหลายประเทศที่มีการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ในระดับสูง ต่างจากรายอื่นที่มีเพียงเทคโนโลยีของประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น โดยบริการ Cyber Range จะเป็นการเตรียมความพร้อมของบุคลากรด้านความปลอดภัยด้วยการจำลองระบบเสมือนจริงเพื่อให้พนักงานสามารถฝึกปฏิบัติ ส่วน Cyber Drill Exercise จะเป็นการทดสอบความตระหนักด้านภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับผู้ใช้งาน
ส่วน Cyber 911 จะเป็นบริการที่เป็นเสมือนศูนย์เฝ้าระวังภัยคุกคามด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์รูปแบบใหม่ หรือที่เรียกว่า Next Generation Security ซึ่งจะสามารถป้องกันการโจมตีไซเบอร์รูปแบบใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งทั้ง 3 บริการนี้คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้เติบโตได้เพิ่มขึ้น และคาดว่าในปีหน้าจะมีรายได้ประมาณ 50 ล้านบาท และก้าวสู่ 100 ล้านบาทในปีที่ 3
“ปัจจุบันประเทศไทยมีความเสี่ยงเป็นเป้าหมายการโจมตีทางไซเบอร์อันดับ 3 ของโลก หรือมีสัดส่วนประมาณ 20.8% ซึ่งชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยยังคงขาดเทคโนโลยี หรือทักษะในการป้องกันที่ดีพอ ทำให้อาชญากรไซเบอร์สามารถใช้เป็นทางผ่านในการล่อลวง และโจมตีระบบได้ ดังนั้น องค์กรต่างๆ ควรจะเตรียมพร้อมด้านบุคลากรให้มีความรู้ เพื่อให้สามารถรับมือกับภัยคุกคามต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
