“Grab” รีแบรนด์ ลุยบริการรถโดยสารครบวงจร ล้างภาพแกร็บแท็กซี่ เพื่อขยายตลาดให้กว้างมากขึ้น เน้นความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย พร้อมบริการที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ใช้ เพิ่มระบบชำระเงินผ่านบัตรเครดิต และการดูประวัติการใช้งานย้อนหลังผ่านเว็บไซต์
แอนโทนี่ ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้งแกร็บ กล่าวว่า แกร็บเริ่มเปิดให้บริการเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ที่มาเลเซีย โดยมีแนวคิดมาจากเรื่องของความปลอดภัยในการเรียกรถขนส่งสาธารณะ จึงเกิดการพัฒนาแอปพลิเคชันขึ้นมาใช้งาน และพบว่าปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย
“สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเปิดให้บริการ คือ ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในมาเลเซีย แต่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดเนเซีย และสิงคโปร์ ทำให้มีการขยายบริการแกร็บแท็กซี่ออกไปใน 6 ประเทศดังกล่าว เพื่อเป็นตัวเลือกในการใช้งานระบบขนส่งสาธารณะ”
สิ่งที่ “แอนโทนี่” พบเจอกับการเดินทางไปในหลายๆ ประเทศ คือ ในหลายสนามบิน เมื่อต้องการเดินทางออกจากสนามบินจะพบกับผู้ให้บริการรถรับส่งจำนวนมากมาเสนอให้บริการถขนส่งในราคาที่แตกต่างกัน การมาของแกร็บ จะช่วยลดปัญหาดังกล่าว และช่วยเพิ่มความสะดวก ปลอดภัย บนมาตรฐานเดียวกัน
โดยก่อนหน้านี้ ทางแกร็บ เริ่มทำตลาดจากแบรนด์แกร็บแท็กซี่ โดยเน้นที่การให้บริการเรียกรถรับส่งสาธารณะรับจ้างภายใต้กฎหมายในแต่ละประเทศ ก่อนขยายไปยังบริการอื่นๆ อย่างบริการรถรับส่งลิมูซีน รถจักรยานยนต์รับจ้าง รถตู้รับจ้างไม่ประจำทาง และบริการขนส่งสินค้าขนาดเล็ก
เป้าหมายหลักจากการปรับเปลี่ยนแบรนด์ให้กลายเป็น “แกร็บ” เพื่ออำนวยความสะดวกในการเพิ่มบริการที่หลากหลายขึ้น มีอิสระมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เป็นตัวเลือกในการให้บริการขนส่งสาธารณะ ภายใต้วัตถุประสงค์หลัก คือ การขับเคลื่อนระบบขนส่งสาธารณะเพื่อเข้าไปช่วยแก้ปัญหา โดยให้บริการขนส่งสาธารณะแบบปลอดภัยในภูมิภาคเอเชีย ทำให้บริการขนส่งสาธารณะเข้าถึงทุกคน และช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้แก่พาร์ตเนอร์ ทั้งคนขับรถแท็กซี่ รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ และผู้ใช้บริการ
สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้น คือ แกร็บมีการลงทุนทั้งในส่วนของการขาย และเทคโนโลยี เพราะที่ผ่านมาจะเน้นให้ความสำคัญในส่วนของเทคโนโลยีเป็นหลัก แต่ไม่ได้รับผลตอบรับในแง่ของการเติบโต ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนให้สอดคล้องต่อสภาพการใช้งาน และเชื่อว่าจะสามารถเติบโตได้ในแง่ของผู้ใช้ และคนขับมากกว่า 10 เท่า ส่วนในแง่ของผลกำไรเชื่อว่าจะมีการเติบโตขึ้นเป็นเท่าๆ ตัว
“จากศูนย์วิจัย และพัฒนาทั้ง 3 แห่ง คือ ซีแอตเทิล ปักกิ่ง และสิงคโปร์ จะช่วยให้แกร็บสามารถพัฒนานวัตกรรมที่ครอบคลุม พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐในแต่ละประเทศ เพื่อทำให้บริการแกร็บทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมายในแต่ละประเทศ”
***ปรับหน้าตาแอปพลิเคชัน
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลังการรีแบรนด์ คือ ในส่วนของการติดต่อระหว่างผู้ใช้ และคนขับ คือ อินเตอร์เฟสของแอปพลิเคชัน ที่จะเน้นไปที่ความง่ายในการใช้งาน รวมถึงในแง่ของการสมัครใช้บริการใหม่จะเพิ่มความสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถใช้บัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก หรือหมายเลขโทรศัพท์ในการลงทะเบียนใช้งานได้ทันที
นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มความสามารถใหม่ภายในแอปพลิเคชัน คือ การจดจำประวัติการใช้งานเพื่อให้เป็นมิตรต่อผู้ใช้มากขึ้น ด้วยการระบุจุดปลายทางเมื่อมีการเรียกใช้งานในสถานที่เดิม เพิ่มระบบการเรียกซ้ำแบบอัตโนมัติในกรณีที่คนขับไม่ว่าง และระบบระบุพิกัดคนขับแบบเรียลไทม์เพื่อให้ทราบถึงตำแหน่งปัจจุบัน และระยะทางก่อนจะมารับ
พร้อมไปกับการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ คือ แกร็บ เปย์ (Grab Pay) ระบบชำระค่าบริการผ่านบัตรเครดิต โดยผู้ใช้สามารถเพิ่มบัตรเครดิตได้หลายใบ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถแยกบัญชีการใช้งาน แกร็บ เวิร์ก (Grab Work) ในการแยกบันทึกข้อมูลการเรียกใช้แกร็บ เพื่อระบุถึงการใช้งานส่วนตัว หรือเพื่อการทำงาน
“การที่เพิ่มทั้งระบบแกร็บ เปย์ และแกร็บ เวิร์ก จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปดูประวัติการใช้งานย้อนหลังผ่านหน้าเว็บไซต์ รวมถึงการพิมพ์ใบเสร็จออกมาใช้งานได้ เพื่อให้เหมาะต่อกลุ่มผู้ใช้งานในสำนักงาน หรือองค์กรที่สามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้”
ทั้งนี้ บริการแกร็บ เปย์ จะเปิดให้บริการในสิงคโปร์ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2016 ตามด้วย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ในเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนในประเทศไทย และเวียดนามในช่วงครึ่งแรกของปี 2016 ขณะที่แกร็บ เวิร์ก สามารถใช้บริการได้ทันทีภายในเว็บไซต์ www.grab.co/bussiness
ขณะเดียวกัน ยังมีการพัฒนาระบบเรียกรถในชื่อ Flash ในการนำเสนอบริการที่รวดเร็วที่สุดในการให้บริการ จากเดิมที่ผู้ใช้เรียกแกร็บ แท็กซี่แล้วไม่มีรถ จะให้ทำการค้นหาในแกร็บ คาร์ แต่ด้วยบริการแฟลช จะเลือกบริการที่รวดเร็วที่สุดให้แก่ผู้ใช้ โดยประเทศไทยจะใช้งานได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์
ส่วนบริการ แกร็บ ฮิทช์ (Grab Hitch) ที่เป็นการแชร์รถขนส่งสาธารณะในการเดินทางเส้นทางเดียวกันไปด้วยกัน ที่ยังไม่เปิดให้บริการในไทย ก็จะทยอยเข้ามาเปิดให้บริการ รวมถึงการเปิดตัว แกร็บ เอ็กซ์เพรส (Grab Express) อย่างเป็นทางการด้วย
สำหรับในปี 2015 ที่ผ่านมา แกร็บมีคนขับเข้ามาลงทะเบียนให้บริการแล้วกว่า 2 แสนราย ครอบคลุมการให้บริการใน 6 ประเทศ 28 เมือง มีปริมาณการเรียกใช้ทั้งหมด 1.5 ล้านครั้งต่อวัน จากดีไวซ์กว่า 11 ล้านเครื่อง โดยถ้ามองในแง่ของการเติบโต บริการแกร็บคาร์ มีอัตราการเติบโตกว่า 35% ในแต่ละเดือน และแกร็บ ไบค์ ที่เติบโตสูงถึง 75% ในแต่ละเดือน
แกร็บ ครองส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มผู้ให้บริการระบบเรียกรถสาธารณะผ่านแอปพลิเคชันด้วยส่วนแบ่งกว่า 95% และครองส่วนแบ่งในตลาดกลุ่มลูกค้าที่เรียกใช้งานส่วนตัวกว่า 50% และจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บริการเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้บริการประชากรกว่า 620 ล้านคน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Company Related Link :
GrabTaxi