ปณท ชี้อีคอมเมิร์ซกระตุ้นธุรกิจเติบโต เร่งพัฒนาบริการ 3 ด้าน ทั้งการรับฝาก ขนส่ง และนำจ่าย เพิ่มความสะดวก ลดการเดินทางมาส่งของที่ไปรษณีย์ โชว์ความพร้อมให้บริการช่วงเทศกาลไม่มีวันหยุด และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ ปณท น่าจะมีรายได้อยู่ที่ 22,000 ล้านบาท มีกำไรประมาณ 2,300-2,400 ล้านบาท
นางสมร เทิดธรรมพิบูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือ ปณท กล่าวว่า ด้วยการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ จะส่งผลให้ธุรกิจของ ปณท เติบโตขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้น ปณท จะมุ่งมั่นในการพัฒนาบริการ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านแรกการรับฝาก ด้านที่สองการขนส่ง และด้านที่สามการนำจ่าย ทั้งนี้ การเติบโตขึ้นของอีคอมเมิร์ซทำให้การส่งพัสดุ หรือสินค้าเพิ่มมากขึ้น การทำงานหน้าเคาน์เตอร์ของ ปณท ก็เพิ่มมากขึ้นด้วย และอาจทำให้การทำงานช้าลงเพราะจำนวนปริมาณมากขึ้น
ดังนั้น จึงต้องพัฒนาระบบการรับฝาก ด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชันรองรับ และสนับสนุนผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซกลางปีหน้า โดยแอปพลิเคชันดังกล่าวจะเป็นการพัฒนาต่อยอดจากแอปพลิเคชันเก่าให้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เสมือนยกบริการตั้งแต่การชั่งน้ำหนัก สแกนบาร์โค้ด คิดค่าบริการ และรับฝากของในเคาน์เตอร์บริการมาไว้ที่บ้านผู้ประกอบการผ่านแอปพลิเคชัน
“แอปพลิเคชันดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนอีคอมเมิร์ซได้เป็นอย่างดี และสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิตอลของรัฐบาล ช่วยสร้างความสะดวกรวดเร็วให้แก่ผู้ประกอบการ เพราะแต่ละวันผู้ให้บริการแต่ละรายมีการส่งสิ่งของวันละไม่ต่ำกว่า 50 ชิ้น และถ้ารายใหญ่จะเป็นหลัก 100 ชิ้น ซึ่งผู้ประกอบการจะเสียเวลาชั่งน้ำหนักสิ่งของทุกชิ้น ทำให้เกิดการแออัดในที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งแอปพลิเคชันดังกล่าวผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซสามารถบรรจุพัสดุ หรือสินค้า และชั่งน้ำหนัก สแกนบาร์โค้ด และคิดเงินอัตโนมัติ และให้เจ้าหน้าที่ของไปรษณีย์ไทยไปรับสิ่งของที่บ้านตามเวลาที่ได้มีการตกลงกันได้ทันที” นางสมร กล่าว
ส่วนด้านการขนส่งจะต้องมีการขยายศูนย์ให้บริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ในการขนส่งให้มีความแข็งแรง จากที่เป็นถุง จะปรับเปลี่ยนเป็นลังในการบรรจุเพื่อลดการโยนสิ่งของ และทำให้สิ่งของแตกหัก ขณะที่การพัฒนาด้านการนำจ่ายจะมีการพัฒนาการระบบ i-box หรือ ตู้นำจ่ายอัจฉริยะ ซึ่งขณะนี้มีการเปิดให้บริการนำร่องอยู่ที่บิ๊กซี สาขาสุรวงศ์ เพื่อเป็นจุดฝากสินค้า ช่วยลดปัญหาผู้รับไม่อยู่บ้าน
นางสมร กล่าวว่า สำหรับรายได้ ปณท 10 เดือน ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ต.ค. 2558 อยู่ที่ 18,701 ล้านบาท กำไร 2,253 ล้านบาท เติบโต 21% โดยมาจากการขยายตัวของธุรกิจขนส่ง ซึ่งเติบโตจากบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) สร้างรายได้เป็นอันดับหนึ่ง คือ 8,909 ล้านบาท หรือ 48% ขณะที่ธุรกิจสื่อสารมีสัดส่วนรายได้ 43% หรือ 8,014 ล้านบาท ส่วนธุรกิจค้าปลีกมีรายได้ 857 ล้านบาท หรือ 5% ตามด้วยธุรกิจการเงิน 482 ล้านบาท หรือ 3% ทั้งนี้ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ ปณท น่าจะมีรายได้อยู่ที่ 22,000 ล้านบาท มีกำไรประมาณ 2,300-2,400 ล้านบาท
จากการเติบโตของปัจจัยข้างต้น ประกอบกับการปรับเปลี่ยนบริการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นจะทำให้ปี 2559 ปณท จะมีรายได้ 24,000 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2,700 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ประมาณเกือบ 10% โดยสัดส่วนของกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ให้แก่ ปณท สูงสุดยังคงเป็นธุรกิจขนส่ง คาดว่าจะเติบโตจาก 48% เป็นมากกว่า 50% เนื่องจากยังคงเป็นเอกสารที่มีปริมาณในการส่งจำนวนมากอยู่
นอกจากนี้ ปณท ยังได้ประกาศความพร้อมในการให้บริการช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ โดยคาดว่าปริมาณงานที่ผู้ใช้บริการฝากส่งเข้าระบบในช่วงเทศกาล ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.2558-15 ม.ค 2559 จะมีประมาณ 224 ล้านชิ้น หรือ เฉลี่ย 8.625 ล้านชิ้นต่อวัน ซึ่งสูงกว่าปริมาณงานในปี 2558 ในช่วงเวลาเดียวกัน 9.74% หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 765,815 ล้านชิ้นต่อวัน โดยในช่วงเวลาปกติมีผู้ใช้บริการฝากส่งเข้าสู่ระบบ คือ เดือน ม.ค.-ต.ค. 2558 มีกว่า 1,980.91 ล้านชิ้น หรือเฉลี่ยต่อวัน 8.612 ล้านชิ้น
Company Related Link :
ปณท.