xs
xsm
sm
md
lg

iTrueMart เทงบ 5,300 ล้านบาท รุกเออีซีตั้งเป้าปีหน้าโตเท่าตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แอสเซนด์ เผยเตรียมเทงบ 5,300 ล้านบาท รุกอีคอมเมิร์ซในเออีซีแบบเต็มตัว ด้วย iTrueMart.com และ WeloveShopping.com ประเดิมฟิลิปปินส์ก่อนปลายปีนี้ มั่นใจหลังบุกตลาดเออีซีแล้วจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นจากปีนี้อีกเท่าตัว ชูจุดแข็งเน้นประสบการณ์ทางการตลาด ให้ผู้ซื้อสามารถซื้อข้ามประเทศได้สะดวก และง่ายดายขึ้น

นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า แอสเซนด์กรุ๊ป เตรียมผลักดันธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบบีทูซีอย่างiTrueMart.com และมาร์เกตเพลสอย่าง WeloveShopping.com เข้าไปรุกตลาดเออีซี โดยจะใช้เงินลงทุนในปีหน้าทั้งสิ้น 5,300 ล้านบาท ในการขยายไปสู่ตลาดดังกล่าว ซึ่งคาดว่าหลังจากเปิดตลาดจะทำให้ยอดขายในปีหน้าของทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจเติบโต 2 เท่า

ทั้งนี้ การเข้าไปทำตลาดนั้นจะเลือกตามความเหมาะสมว่าประเทศใดจะนำ iTrueMart.com หรือ WeloveShopping.com เข้าไปให้บริการก่อน โดยในปีนี้ยอดขายของ iTrueMart.com อยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 800% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วน WeloveShopping.com นั้นมียอดการซื้อขายทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาท โตขึ้นจากปีที่แล้วเกือบ 200% และคาดว่าจะโตเป็นเท่าตัวในปีต่อๆ ไป

“สำหรับการบุกตลาดเออีซีนั้นจะเริ่มตั้งแต่ปลายปีนี้ ที่กำลังจะไปประเทศฟิลิปปินส์ ที่มีประชากรประมาณ 100 ล้านคน เป็นประเทศแรก เนื่องจากยังไม่มีคู่แข่ง และปีหน้าจะไปสู้ 6 ประเทศในเออีซี ซึ่งประกอบด้วย เวียดนาม อินโดนีเซีย พม่า กัมพูชา มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยการเข้าไปทำตลาดนั้นส่วนใหญ่จะทำตลาดเอง และบางรายการจะผ่านพาร์ตเนอร์ โดยเราจะไปสร้างเว็บไซต์ และทำเรื่องลอจิสติกส์ในประเทศเหล่านั้น”

นายปุณณมาศ กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซแบบบีทูซีในเมืองไทยมีมูลค่าประมาณ 42,000ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตประมาณ 20% ทุกปี ส่วนตลาดอีคอมเมิร์ซแบบบีทูซีในกลุ่มประเทศเออีซี มีมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอินโดนีเซีย และไทยมีขนาดตลาดที่ใกล้เคียงกัน โดยมีสัดส่วนแต่ละประเทศประมาณ 25% แต่ทั้งนี้ เมื่อเทียบการเติบโตของตลาดแล้วอินโดนีเซียมีการเติบโตที่รวดเร็วกว่าประมาณ 40% เวียดนาม 30% มาเลเซีย และไทยมีอัตราการเติบโตที่เท่ากันคือ 17%

สำหรับกลยุทธ์ในการเข้าไปบุกตลาดเออีซีนั้น จะนำเสนอจุดแข็งในเรื่องของประสบการณ์ทางการตลาด มีกลยุทธ์ในการให้ผู้ซื้อสามารถซื้อข้ามประเทศได้สะดวก และง่ายดายขึ้น นอกจากนี้ บริษัทมีขนาดของธุรกิจที่ใหญ่สามารถสร้างต้นทุนต่อยูนิตได้ต่ำลงได้ จึงถือเป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ

“การเตรียมความพร้อมสู้กับคู่แข่งคือ การใช้กลยุทธ์การสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า สินค้าเป็นของแท้ สร้างประสบการณ์ที่ดี มีการวัดความพึงพอใจของลูกค้าอยู่ตลอดเวลา แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ การแข่งขันอีคอมเมิร์ซผู้เล่นรายใหม่จะเข้ามาได้ยาก เพราะขนาดเป็นสิ่งที่สำคัญ รวมไปถึงการลงทุนเบื้องต้นค่อนข้างสูง และต้องมีความพร้อมสูง มีความสามารถในการเข้าใจลูกค้า นอกจากนี้ การรับประกันคุณภาพสินค้าในการขายก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจ”

ด้าน นายสืบสกล สกลสัตยาทร ผู้จัดการทั่วไป หน่วยงาน iTrueMart.com บริษัท แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน ธุรกิจของ iTrueMart.com มียอดการสั่งซื้อ 7,000 ออเดอร์ต่อวัน และสูงสุดอยู่ที่ 10,000 ออเดอร์ต่อวัน และเมื่อบวกกับ WeloveShopping.com มีจำนวนออเดอร์ต่อวันเฉลี่ย 7,000 ออเดอร์ต่อวัน ดังนั้น เมื่อรวมบริษัทในเครือแอสเซนด์ คอมเมิร์ซ มียอดเฉลี่ยอยู่ที่ 14,000 ออเดอร์ต่อวัน

สำหรับการทำตลาดของ iTrueMart.com จะเน้นการเป็นห้างสรรพสินค้าออนไลน์ด้วยการนำสินค้าแบรนด์แท้ และราคาที่โดนใจมาตอบสนองแก่ลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 700 แบรนด์ มีสินค้ากว่า 20,000 รายการ และในคลังมีสินค้าสต๊อกไว้ที่ 1 ล้านชิ้น มีการเติบโตของทราฟฟิกตั้งแต่มกราคมถึงตุลาคม เพิ่มขึ้น 450% โดยลูกค้า 50% จะกลับเข้ามาซื้อใหม่ในเดือนแรก และในจำนวนนี้ 20% จะกลับเข้ามาซื้อสินค้าใหม่เรื่อยๆ

การเติบโตของ iTrueMart.com ดังกล่าวเกิดจากการมีสินค้าที่หลากหลาย เน้นการดูแล และสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบครบวงจร มีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย เช่น เคาน์เตอร์เซอร์วิส เก็บเงินสดปลายทาง การผ่อนชำระบัตรเครดิต และสามารถส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยในกรุงเทพฯ สามารถส่งได้ภายใน 1 วันได้ถึง 98% ส่วนต่างจังหวัดส่งได้ภายใน 2 วันได้ถึง 95%

ปัจจุบัน มีลูกค้าเข้าเว็บผ่านมือถือถึง 70% มีมือถือ และแก็ตเจ็ตเป็นสินค้าที่ขายดี หรือประมาณ 70% (มูลค่า) ของยอดขายทั้งหมด โดยกลุ่มของลูกค้าที่เข้ามาซื้อจะเป็นนิสิตนักศึกษา อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 24-34 ปี และจำนวนผู้หญิงกำลังจะเริ่มซื้อสินค้ามากกว่าผู้ชาย ด้านสัดส่วนการใช้เงินทางการตลาดจะเน้นออนไลน์เป็นหลัก ประมาณ 80% และออฟไลน์ 20% โดยการโฆษณาทีวีจะเน้นเจาะลูกค้าในต่างจังหวัด

ทั้งนี้ การซื้อขายบนออนไลน์ ของไทยยังอยู่แค่ 1 % ในขณะที่จีน 10% อเมริกา 9% ทำให้ยังมีโอกาสการเติบโต โดยคาดว่าใน 5 ปีข้างหน้า จะมียอดประมาณ 7-8% จากยอดค้าปลีกทั้งหมด โดยอุปสรรคการเติบโตของไทยอยู่ที่ช่องทางการชำระเงิน และการจัดส่ง ซึ่งถือว่าเป็นอุปสรรคของการซื้อขายออนไลน์ นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงความเชื่อมั่นที่ผู้ค้ารายใหม่ๆ ยังต้องสร้างความเข้าใจให้แก่ลูกค้าเพิ่มขึ้น

“แอสเซนด์ เน้นลงทุนทั้งทางด้านความคิด และการสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าให้ดี สร้างให้ลูกค้ามีความมั่นใจในการซื้อ รวมไปถึงการชำระเงิน การส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังจะเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ และทำการสื่อสารการตลาดให้ตรงต่อกลุ่มดังกล่าว ทำให้เรามียอดซื้ออย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เรายังไม่ทำการตลาดแบบหว่านไปทั่ว เพราะจะไม่คุ้ม”

ด้าน น.ส.ดรุณพร จิรกิจอนุสรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ หน่วยงาน iTrueMart.com บริษัท แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ จำกัด กล่าวว่า ล่าสุด iTrueMart.com ได้ทำการเปิดตัวสินค้ากลุ่มใหม่ เป็นบริการกลุ่มสินค้าเพื่อแม่และเด็ก เพื่อเป็นทางเลือกให้คุณแม่ได้เลือกซื้อสินค้าคุณภาพสูงสำหรับลูกน้อยในราคาที่พึงพอใจ โดยสามารถจัดส่งได้ในวันถัดไปโดยไม่จำกัดจำนวนขั้นต่ำของการสั่งซื้อ

โดยการเปิดกลุ่มสินค้าใหม่ดังกล่าวรองรับทั้งกลุ่ม คุณแม่มือใหม่ คุณแม่กำลังตั้งครรภ์ ก่อนหรือหลังคลอด และได้จัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมการขายที่หลากหลาย และเจาะทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุด ได้จัดโปรโมชัน “คุณแม่ร้องว้าว” ที่ลดราคาสินค้าแม่และเด็กสูงสุดถึง 30% และยังได้จัดทำเฟซบุ๊กแฟนเพจ สำหรับคุณแม่ขึ้นใหม่โดยเฉพาะ โดยใช้ชื่อเพจว่า Mom Wow by iTrueMart มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการบอกเล่าเรื่องราว และโปรโมชันดีๆ ในกลุ่มคุณแม่อีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น