คอมเซเว่น เตรียมปรับปรุงชอปใหม่รับมือ Wearable Device ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ล่าสุด ได้รับสิทธิขาย Apple Watch อย่างเป็นทางการ ชี้จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดกลุ่มนี้ให้เติบโตขึ้น 100% พร้อมปรับเป้าธุรกิจภาพรวมโตขึ้น 5% เผยเตรียมปรับโฉมร้านค้าในเครือด้วยงบ 3-10 ล้านบาทต่อสาขา และขยายเพิ่มอีก 40 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่รวม 317 สาขา มั่นใจปีนี้โน้ตบุ๊กกลับมาหลังเริ่มเห็นกำลังซื้อตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา
นายสุระ คณิตทวีกุล (คนขวาสุด) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คอมเซเว่นเตรียมขยายสาขาเพิ่มอีก 40 สาขาในปีนี้ และพร้อมที่จะปรับปรุงชอปใหม่ให้รองรับต่อผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่าง Wearable Device ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มขึ้น โดยล่าสุด คอมเซเว่น ได้สิทธิการจำหน่าย Apple Watch อย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าการมาของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะกระตุ้นให้ตลาด Wearable Device ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
“ในปีที่ผ่านมา คอมเซเว่นมียอดขายในส่วนของ Wearable Device ประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งการมาของ Apple Watch จะช่วยดันให้ยอดขายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นเป็น 100% และส่งผลให้ภาพรวมรายได้ของธุรกิจคอมเซเว่นเติบโตขึ้น 5% จากยอดขายในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 14,100 ล้านบาท”
ปัจจุบัน ไทยได้สิทธิในการจำหน่าย 11 ชอปในการวางขาย Apple Watch โดยแบ่งเป็นของคอมเซเว่น จำนวน 6 สาขา สำหรับ Apple Watch ที่คอมเซเว่นนำมาจำหน่ายนั้นแบ่งเป็นรุ่นลิมิเต็ด เอดิชัน ที่ได้สิทธิมา จำนวน 7 เรือน จำหน่ายในราคา 580,000 บาท ส่วนรุ่นอื่นๆ ที่จะนำเข้ามาจำหน่ายนั้นจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 13,000-660,000 บาท โดยหลังจากนี้คอมเซเว่นจะได้ทำการปรับปรุงชอปใหม่ในส่วนของ iStudio by Comseven เพื่อให้เป็นแนวทางเดียวกันกับร้านของ Apple ทั่วโลก
นอกจากนี้ คอมเซเว่นยังได้เตรียมทำการปรับปรุงชอปอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การบริหารของคอมเซเว่น อย่างร้าน Banana IT และ Banana Mobile ให้มีความทันสมัย และรองรับกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งการปรับปรุงแต่ละสาขาดังกล่าวจะใช้งบประมาณสาขาละ 3-10 ล้านบาท และจะได้ทำการเปิดสาขาใหม่โดยรวมทั้งหมดเพิ่มอีก 40 สาขา แบ่งเป็น iStudio 2 สาขา iBeat ประมาณ 10 สาขา ที่เหลือเป็น Banana IT และ Banana Mobile จากปัจจุบันที่มีรวมทั้งหมดอยู่ 317 สาขา คาดว่าในปี 2017 คอมเซเว่นจะมีร้านสาขารวมทั้งสิ้น 500 สาขา
นายสุระ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจภาพรวมของคอมเซเว่นในปีนี้จะเน้นการจำหน่ายในส่วนของ Wearable Device และ Accessory ให้มากขึ้น เนื่องจากสามารถสร้างกำไรได้ดีกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ รวมไปถึงการคาดหวังการเติบโตของกลุ่มโน้ตบุ๊กที่กำลังมียอดขายที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริโภคที่กำลังรอที่จะเปลี่ยนรุ่นของโน้ตบุ๊กจะยังคงหันมาใช้โน้ตบุ๊กเหมือนเดิม ไม่หันไปหาผลิตภัณฑ์ทดแทนอื่นๆ ส่วนตลาดแท็บเล็ตนั้นค่อนข้างซบเซา และคาดว่าจะมียอดขายที่ลดลง
Company Related Link :
COM7