ไอ-โมบาย เดินหน้ากลยุทธ์พาร์ตเนอร์ชิป ร่วมมือทรูมูฟ เอช ให้โปรโมชันพิเศษแก่ลูกค้าที่ซื้อโทรศัพท์มือถือไอ-โมบาย ในช่วงไตรมาสแรก มั่นใจสร้างรายได้ปีนี้ 1.3 หมื่นล้านบาท จากการจำหน่ายโทรศํพท์ 5.5 ล้านเครื่อง
นายธนานันท์ วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวทางการทำธุรกิจสมาร์ทโฟนในไตรมาส 1 ของสามารถ ไอ-โมบาย จะใช้กลยุทธ์พาร์ตเนอร์ชิป เน้นไปที่การจับตลาดลูกค้าที่เปลี่ยนจากการใช้งาน 2G มาเป็น 3G โดยเฉพาะเครื่องที่เป็น 2 ซิม โดยการใช้โปรโมชันจูงใจสำหรับลูกค้าให้ได้รับค่าโทร.และเน็ตฟรี
โดยความร่วมมือกับทางทรูมูฟ เอช ในครั้งนี้ จะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ ลูกค้าที่ซื้อสมาร์ทโฟน IQ i-style รุ่นที่ร่วมรายการ กด *144# จะได้รับค่าโทร.และเน็ตฟรี สูงสุด 3,000 บาท พร้อมเล่นไลน์และเฟซบุ๊กไม่อั้นนาน 10 เดือน
ถัดมาคือ Jumbo Pack จะได้รับซิมทรูมูฟ เอช พร้อมค่าโทร.และเน็ตสูงกว่าค่าเครื่องในรุ่น IQ 8.5 ราคา 3,290 บาท รับค่าโทร.และเน็ตฟรี 3,300 บาท ส่วน i-style 218 รับค่าโทร.และเน็ตฟรี 2,600 บาท พร้อมเล่นไลน์และเฟซบุ๊ก ไม่อั้นนาน 10 รอบบิล สุดท้ายคือเครื่องไอโมบายที่รองรับการใช้งาน 4G LTE 2 รุ่นคือ LEON และ Lucus จะได้รับซิมทรูมูฟ เอช 4G พร้อมใช้ 4G ฟรี 500 MB ต่อเดือนนาน 1 ปี เมื่อมียอดเติมเงินครบ 200 บาท
ก่อนหน้านี้ ทางกลุ่มสามารถ ไอ-โมบาย ได้มีการเปิดเผยถึงเป้าหมายรายได้ในปีนี้ ซึ่งในกลุ่มธุรกิจสามารถ ไอ-โมบาย จะสร้างรายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 15% จากปริมาณโทรศัพท์ 5.5 ล้านเครื่อง ยึดอันดับ 1 ผู้นำสมาร์ทโฟนแบรนด์ไทย ไม่นับรวมรายได้จากคอนเทนต์และบริการอื่นๆ อีกกว่า 2 พันล้านบาท
นายสุภสิทธิ์ รักกสิกร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด สามารถ ไอ-โมบาย กล่าวเสริมว่า เชื่อว่าตอนนี้สภาพเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และกำลังซื้อของผู้บริโภคจะเริ่มกลับมา มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ประกอบกับตลาดที่นอกจากจะมีการเปลี่ยนจาก 2G เป็น 3G แล้ว โอเปอเรเตอร์ก็เริ่มมีการให้บริการ 4G ก็จะมีตลาดเปลี่ยนจาก 3G เป็น 4G ด้วย ทำให้เชื่อว่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้
“เราประเมินตลาดสมาร์ทโฟนในปีนี้ไว้ว่าจะอยู่ที่ราว 17-18 ล้านเครื่อง โดยคาดว่าไอ-โมบายจะสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ที่ 20% เหมือนเดิม โดยปรับงบการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 400 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา”
สำหรับจุดเด่นของสมาร์ทโฟน ไอ-โมบาย นอกจากเรื่องของการรับชมทีวีดิจิตอลได้แล้ว ก็จะโชว์ความสามารถในเรื่องของหน้าจอที่มีรุ่น ซึ่งใช้จอประเภทเดียวกับผู้นำตลาด รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีกล้องจากแบรนด์ชั้นนำในตลาดสมาร์ทโฟนเข้ามาใช้และจำหน่ายในระดับราคาต่ำกว่า 1 หมื่นบาท
นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนเพิ่มในส่วนของบริการหลังการขาย ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพให้เพิ่มมากขึ้น แม้ว่าปัจจุบันสัดส่วนเครื่องซ่อมเมื่อเทียบกับเครื่องที่จำหน่ายออกไปจะไม่ถึง 1% แล้วก็ตาม จากเดิมสมัยที่นำสมาร์ทโฟนไอ-โมบายเข้ามาจำหน่ายใหม่ๆ มีสัดส่วนสูงถึง 5%
Compay Relate Link :
I-Mobile