แม้จะถูกวิจารณ์มากมาย แต่การสำรวจและสถิติล่าสุดกลับแสดงว่าเครือข่ายสังคมยอดฮิตอันดับ 1 ของโลกอย่างเฟซบุ๊ก (Facebook) นั้นยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งในหลายด้าน ทั้งการเป็นเครือข่ายสังคมที่มีการใช้งานทุกวันมากที่สุด เป็นเครือข่ายสังคมที่มีผู้สูงวัยใช้งานมากที่สุด และการเป็นเครือข่ายสังคมที่มียอดโพสต์วิดีโอเพิ่มขึ้นชัดเจนที่สุด
***โพสต์วิดีโอพุ่งกระฉูด
นาทีนี้เฟซบุ๊กถูกมองเป็นคู่แข่งอันดับ 1 ของยูทิวบ์ (YouTube) บริการวิดีโอออนไลน์ของกูเกิลเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากไม่เพียงชาวดิจิตอลทั่วโลกจะชมวิดีโอจำนวนมากบนเฟซบุ๊ก แต่หลายคนยังอัปโหลดวิดีโอสู่เครือข่ายเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นตลอดเวลา โดยเฟซบุ๊กเปิดเผยผลการศึกษาล่าสุดว่าสัดส่วนการโพสต์วิดีโอสู่เฟซบุ๊กนั้นเพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับปี 2013
สัดส่วน 75% นี้ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับภาพรวมที่พบว่าชาวอเมริกันมีการโพสต์ภาพสู่เครือข่ายสังคมเพิ่มขึ้นในปีนี้ราว 94% โดยกรณีของเฟซบุ๊ก นักสังเกตการณ์เชื่อว่าปัจจัยผลักดันยอดโพสต์วิดีโอคือความถี่ในการแสดงวิดีโอสู่สายตาผู้ใช้เฟซบุ๊กที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จุดนี้มีการเปิดเผยว่ายอดการแสดงวิดีโอบนหน้าข่าวหลักของผู้ใช้หรือนิวส์ฟีด (news feed) นั้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 360% เมื่อเทียบปี 2014 กับปี 2013
ย้อนกลับไปในเดือนกันยายน 2014 เฟซบุ๊กเคยประกาศว่าอุปกรณ์ไอทีพกพาที่หลากหลายส่งผลให้ชาวออนไลน์เปิดชมวิดีโอมากกว่า 1 พันล้านครั้งต่อวันผ่านเฟซบุ๊ก ตัวเลขนี้มีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับตัวเลขผู้ใช้งานเฟซบุ๊กเป็นประจำผ่านอุปกรณ์พกพาที่มีจำนวนมากกว่า 1.07 พันล้านคนทั่วโลก ท่ามกลางผู้ใช้งานรวมจำนวน 1.32 พันล้านคน
เครือข่ายสังคมอันดับ 1 ของโลกให้รายละเอียดว่า ยอดการชมวิดีโอบนเฟซบุ๊กที่พบว่ามีจำนวนมากกว่า 1 พันล้านครั้งต่อวันนั้นเป็นค่าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2014 โดยหากพิจารณาสถิติการชมวิดีโอบนเฟซบุ๊กในช่วงเดือนกรกฎาคม 2014 จะพบว่าสัดส่วนการชมวิดีโอบนเฟซบุ๊กนั้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม
เฟซบุ๊กจึงสรุปว่า หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้การชมวิดีโอบนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คือความนิยมในการเปิดชมวิดีโอผ่านอุปกรณ์พกพา จุดนี้เฟซบุ๊กระบุว่า ราว 65% ของการชมวิดีโอบนเฟซบุ๊กทั้งหมดเป็นการชมผ่านอุปกรณ์ไอทีพกพา
***กลุ่มสูงวัยแห่ใช้งาน
นอกจากแชมป์เครือข่ายสังคมที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด เฟซบุ๊กยังกลายเป็นแชมป์เครือข่ายสังคมที่มีจำนวนผู้ใช้ 'สูงวัย' (อายุ 65 ปีขึ้นไป) เพิ่มขึ้นเหนือโซเชียลเน็ตเวิร์กแบรนด์อื่นด้วย โดยการสำรวจล่าสุดพบว่ากลุ่มผู้ใช้อเมริกันอายุเกิน 65 ปีราว 56% เป็นผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก
สัดส่วนนี้เพิ่มขึ้นจากการสำรวจในปี 2013 ที่มีเพียง 45% อัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 11 จุด สะท้อนว่าเฟซบุ๊กกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมของผู้ใช้กลุ่มนี้ไปแล้ว
สำนักวิจัยพิว (Pew Research Centre) ยังพบว่า ผู้ใช้กลุ่มอายุ 50-64 ปีที่หลงเสน่ห์เฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นอีก 3 จุด อัตราส่วนนั้นเพิ่มขึ้นจาก 60% ในปี 2013 เป็น 63% ในปี 2014
สรุปแล้วหากมองในภาพรวม 'กลุ่มผู้ใหญ่อเมริกัน' พิวพบว่าราว 71% ของกลุ่มผู้ใหญ่อเมริกันมีการใช้งานเฟซบุ๊กในปี 2014 โดยกลุ่มตัวอย่างของการสำรวจครั้งนี้คือกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในสหรัฐฯ จำนวน 1,597 คน
อีกสิ่งที่น่าสนใจคือการสำรวจของพิวพบว่าเครือข่ายสังคมอย่างทวิตเตอร์ (Twitter) นั้นมีผู้ใช้กลุ่มอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปในสัดส่วนน้อยนัก โดยกลุ่มตัวอย่างผู้สูงวัยเพียง 10% เท่านั้นที่ใช้งานทวิตเตอร์ ขณะที่ 6% บอกว่าใช้งานอินสตาแกรม (Instagram)
อย่างไรก็ตาม เครือข่ายสังคมนักปักหมุดอย่างพินเทอเรสต์ (Pinterest) กลับมีสัดส่วนผู้ใช้งานกลุ่มสูงวัยมากกว่าทวิตเตอร์และอินสตาแกรม โดย 17% ระบุว่าใช้งานพินเทอเรสต์ ขณะที่ 21% ระบุว่าใช้งานเครือข่ายสังคมคนทำงานลิงก์อิน (LinkedIn)
***ผูกติดมากที่สุด
หนึ่งในการสำรวจล่าสุดของพิวนั้นพยายามเจาะลึกว่ามีชาวอเมริกันจำนวนเท่าใดที่เข้าไปใช้งานเครือข่ายสังคมเป็นประจำทุกวัน ซึ่งผลปรากฏว่าเจ้าพ่ออย่างเฟซบุ๊กยังครองแชมป์เหนียวแน่น โดยพิวพบว่า 70% ของกลุ่มผู้ใช้เฟซบุ๊กในสหรัฐฯ เข้าไปตรวจสอบความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊กเป็นกิจวัตรประจำวัน
เครือข่ายสังคมที่มียอดการใช้งานทุกวันรองลงมาคืออินสตาแกรม ที่มีสัดส่วนผู้ใช้งานทุกวันราว 49% ของฐานผู้ใช้อินเทอร์เน็ตรวมในสหรัฐอเมริกา ขณะที่ทวิตเตอร์มีผู้ใช้งานทุกวัน 36% และพินเทอเรสต์ 17% รวมถึงลิงก์อินอีกราว 13%
แต่หากเทียบกับฐานประชากรอเมริกันทั้งประเทศ การคำนวณพบว่าสัดส่วนผู้ใช้งานเฟซบุ๊กทุกวันนั้นคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 41% ขณะที่อินสตาแกรมครองสัดส่วนรองลงมาที่ 10% พร้อมกับที่ทวิตเตอร์มีผู้ใช้งานทุกวัน 7% ของจำนวนประชากรอเมริกัน
ผลการสำรวจเหล่านี้สะท้อนว่าเฟซบุ๊กยังไปได้ดีแม้บางการสำรวจจะพบว่าเฟซบุ๊กกำลังสูญเสียคะแนนนิยมในกลุ่มผู้ใช้อเมริกันต่อเนื่อง โดยสถิติปี 2014 แสดงให้เห็นว่าเฟซบุ๊กมีจำนวนผู้ใช้ทุกกลุ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด เช่นการสำรวจจากบริษัทวิจัยแฟรงค์ เอ็น เมจิด แอสโซซิเอตส์ (Frank N. Magid Associates) ที่พบว่ากลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นอเมริกันที่ใช้งานเฟซบุ๊กในขณะนี้มีสัดส่วนราว 88% ลดลงจากปีที่แล้วซึ่งสัดส่วนอยู่ที่ 94% หรือ 95% ในปี 2012
สิ่งที่เราได้จากสถิติเหล่านี้คือการวิเคราะห์แนวโน้มว่าเฟซบุ๊กจะให้ความสำคัญต่อการเข้าถึงตลาดใดให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจโฆษณาออนไลน์ของบริษัท ซึ่งจะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงที่ทำให้เฟซบุ๊กยังเขียวชอุ่มและไม่แห้งตายง่ายๆ
Company Related Link :
