เทรนด์ไมโครคาดการณ์ยอดขายปีที่ผ่านมาเติบโตประมาณ 22% ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 30% ชี้ปีนี้มัลแวร์ยังคงมุ่งโจมตีอย่างหนักและต่อเนื่อง เตรียมใช้กลยุทธ์ 3C เน้นเจาะอุตสาหกรรมโทรคม ภาครัฐ และสถาบันการเงิน เตือนการใช้โมบายล์แบงกิ้งให้ระวังเพราะจะถูกแฮกได้ง่ายขึ้น และส่วนใหญ่ที่โดนจะเป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
นายวิลเลี่ยม ตัน ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เทรนด์ไมโครคาดว่ายอดขายปี 2014 จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 22% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 30% ส่วนยอดขายในเอเชียแปซิฟิกนั้นคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 35 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนของไทยประมาณ 6 ล้านเหรียญ คิดเป็นส่วนแบ่งประมาณ 20% จากยอดขายในอาเซียน โดยการเติบโตของตลาดเนื่องจากมีความต้องการด้านโซลูชันเพิ่มมากขึ้น
“ในปีที่ผ่านมาพบว่าทุก 2 วินาทีจะมีมัลแวร์เกิดขึ้น และสร้างความเสียหายประมาณ 1 พันล้านเหรียญ ส่วนใหญ่มัลแวร์จะถูกสร้างในยุโรปตะวันออกในประเทศอย่าง บราซิล โรมาเนีย โดย 55% ขององค์กรที่โดนโจมตีไปแล้วยังไม่รู้ตัวเพราะมั่นใจว่าจะมีซีเคียวริตีที่ครอบคลุม โดยเทรนด์ไมโครคาดว่าในปีนี้จะเกิดการโจมตีเพิ่มอย่างต่อเนื่องทั้งองค์กรเล็กและองค์กรใหญ่ ดังนั้นทั้งผู้ใช้งานและองค์กรต่างๆ จึงต้องให้ความระมัดระวัง”
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดในปีนี้เทรนด์ไมโครจะเน้น 3C ประกอบด้วย 1. Complete User Protection ที่จะสามารถตอบสนองด้านความปลอดภัยไม่ว่าลูกค้าจะใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อใดๆ โดยเทรนด์ไมโครมีโซลูชันตอบสนองได้ทั้งหมด 2. Customer Defense มีโซลูชันป้องกันการโจมตีที่ครอบคลุมให้แก่ลูกค้า และ 3. Cloud&Data Center Security ซึ่งเป็นโซลูชันที่ตอบสนองทางด้านนี้โดยเฉพาะ
โดยทางด้านการเจาะตลาดนั้นจะจับมือกับพาร์ตเนอร์อย่างไมโครซอฟท์และวีเอ็มแวร์ เพื่อให้ลูกค้าเลือกใช้งานผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และจะนำเสนอโซลูชันที่ตอบสนองความต้องการได้หลายประเภท นอกจากนี้ยังจะเพิ่มเติมส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มเอนเตอร์ไพรส์มากขึ้น มีผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่ๆ ตอบสนองตลาดอย่างต่อเนื่อง มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าเทลโก้ การเงิน ภาครัฐ การผลิต และการศึกษา
นายคงศักดิ์ ก่อตระกูล ผู้จัดการอาวุโสด้านเทคนิค บริษัท เทรนด์ไมโคร ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า ในไตรมาส 1-2 นั้นมีแนวโน้มการเติบโตของออนไลน์แบงกิ้งมัลแวร์แบบเจาะจงจะสูงขึ้นทั่วโลก และมีการพัฒนามัลแวร์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากแบงก์ก็มีการพัฒนาทางด้านออนไลน์มีความปลอดภัยเพิ่มขึ้นเช่นกัน และคาดว่าจะมีการแฮกเงินผ่านช่องทางนี้เยอะขึ้นเนื่องจากอาชญากรมองว่าการเจาะที่มือถือของลูกค้าง่ายกว่าการเจาะระบบธนาคารที่มีความปลอดภัยที่เข้มแข็ง ทำให้โมบายล์มัลแวร์มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยความเสี่ยงดังกล่าวนี้ 95% อยู่บนแอนดรอยด์
“เป้าหมายของการแฮกในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ กลุ่มราชการภาครัฐ ไอที ทหาร สถาบันการเงิน ส่วนกลุ่มที่แฮกเกอร์ไม่สนใจคือภาคการศึกษาเนื่องจากยังไม่มีข้อมูลที่สำคัญ นอกจากนี้ การให้บริการผ่านเว็บเซอร์วิสและเว็บแอปพลิเคชันจะมีความเสี่ยงสูงที่อาชญากรไซเบอร์ใช้เป็นเป้าหมาย โดยปัจจุบันข้อมูลที่มีการซื้อขายกันราคาแพงคือข้อมูลยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ดของเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม ไม่ใช่ข้อมูลด้านบัตรเครดิตอีกต่อไป”
นายคงศักดิ์กล่าวต่อว่า ในปี 2015 อาชญากรไซเบอร์จะใช้ดาร์กเน็ตมากขึ้น มีการทำเว็บไซต์ที่เสิร์ชในกูเกิลไม่เจอแต่มีตัวตน การแฮกจะขยายตัว เก่งขึ้น และประสบความสำเร็จในการแฮกมากขึ้น ส่วนกลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นกลุ่มแอนดรอยด์ที่มีการเติบโตของผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นปีที่ Targeted attacks หรือการโจมตีแบบเจาะจงเป้าหมายจะสร้างความเสียหายได้มากขึ้น และจะมีการฟ้องร้องกันมากขึ้น
ส่วนเรื่องที่น่ากังวลใหม่ๆ คือจะมีการคุกคามใหม่ๆ สำหรับวิธีการชำระเงินผ่านอุปกรณ์พกพา อย่างเช่นการใช้จ่ายผ่านมือถือด้วย NFC ที่บางค่ายมือถือได้ทำการลิงก์กับบัญชีธนาคารของลูกค้า ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสี่ยงทั้งข้อมูลในมือถือเองและเงินที่มีอยู่ในบัญชีธนาคาร
Company Relate Link :
Trend Micro
