กสทช.แจงจ่ายเงินโครงการคูปองดิจิตอลล่าช้า เหตุถูกใบสั่งจาก สตง.ให้ตรวจเอกสารแนบของประชาชนที่มาแลกทุกคนกว่าล้านฉบับ จากเดิมที่อาศัยการตรวจสอบจากระบบคอมพิวเตอร์ พร้อมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเอกสาร 10 ชุด ระดมเจ้าหน้าที่กว่า 200 คนร่วมทำงาน มั่นใจเริ่มทยอยจ่ายเงินได้ภายในสัปดาห์นี้
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า จากกรณีที่มีผู้เข้าร่วมโครงการรับแลกซื้ออุปกรณ์ในการรับชมทีวีดิจิตอลด้วยคูปองส่วนลด 690 บาท ร้องเข้ามาว่ายังไม่ได้รับเงินตามจำนวนเงินบนคูปองดิจิตอล ทั้งที่ได้ส่งเอกสารไปขึ้นเงินกับธนาคารกรุงไทยนั้น ตนเองในฐานะเลขาธิการ กสทช.ขอชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าว กสทช.ถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สั่งให้ตรวจสอบเอกสารที่เป็นสำเนาทั้งหมดของผู้เข้าร่วมโครงการที่ประชาชนยื่นเป็นหลักฐานคู่กับคูปองดิจิตอล 690 บาท ประกอบด้วย สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สติกเกอร์ที่ผู้เข้าร่วมโครงการติดคืนมาที่คูปองดิจิตอล จึงทำให้จากเดิมที่ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถยื่นเอกสารและรับเงินค่าคูปองดิจิตอลได้ทันที กลับต้องรอไปก่อนจนกว่า กสทช.จะตรวจสอบเอกสารที่เป็นกระดาษทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นจึงทำให้ขณะนี้ยังไม่สามารถจ่ายเงินให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้ แม้ว่า กสทช.จะนำเงินเข้าระบบที่ธนาคารกรุงไทยแล้วก็ตาม
‘แต่เดิมระบบการตรวจสอบของเราคือใช้คอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบข้อมูลว่าเอกสารสำเนาที่ประชาชนแนบมาให้นั้นตรงกับฐานข้อมูลในระบบทะเบียนราษฎรและหน้าตาผู้มาแลกตรงกับบัตรหรือไม่ เอกสารจึงเป็นเพียงส่วนประกอบ เพราะเรามั่นใจว่าระบบคอมพิวเตอร์ที่ได้พัฒนาขึ้น สามารถกลั่นกรองได้เป็นอย่างดี ส่วนการตรวจสอบเราจะสุ่มตรวจโดยใช้คนเดินทางไปยังธนาคารที่เราสุ่ม แต่เมื่อ สตง.ไม่มั่นใจในระบบคอมพิวเตอร์ แต่ต้องการให้ กสทช.ตรวจเอกสารของประชาชนทุกคนที่มาแลก เราก็ต้องนำเอกสารจากธนาคารกลับมานั่งตรวจกันทั้งหมด’
สำหรับขั้นตอนการทำงาน กสทช.ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อมาตรวจสอบเอกสารดังกล่าวทั้งหมด 10 ชุด โดยได้ระดมเจ้าหน้าที่ กสทช.ซึ่งมีงานประจำอยู่แล้วกว่า 200 คนมาช่วยกันตรวจสอบเอกสาร ซึ่งปัจจุบันประชาชนแลกคูปองดิจิตอลเข้ามาจำนวน 1.86 ล้านฉบับ โดยคณะกรรมการแต่ละชุดมีความสามารถในการตรวจเอกสารได้วันละ 500 ชุด 1 วันเท่ากับ 5,000 ชุดโดยประมาณ ซึ่งในช่วงเวลา 10 กว่าวันที่ผ่านมาเพิ่งตรวจเอกสารได้ประมาณ 3 หมื่นชุดเท่านั้น โดยคาดว่าจะเริ่มทยอยจ่ายเงินให้ผู้เข้าร่วมโครงการในล็อตแรกได้ภายในสัปดาห์นี้ แต่ไม่แน่ใจว่ากว่าจะเสร็จสิ้นทั้งหมดจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน หรืออาจจะเป็นปี ดังนั้นเท่ากับว่าแต่ละบริษัทจะได้รับเงินไม่พร้อมกันและไม่ได้ทั้งหมดในคราวเดียว ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับเอกสารที่ถูกนำมาตรวจด้วยว่าหยิบของบริษัทไหนขึ้นมาตรวจบ้าง
‘ความยุ่งยากคือเอกสารเยอะมาก ตอนแรกเราตั้งใจให้ธนาคารนับคูปองและจ่ายเงินได้ง่าย จึงให้ผู้เข้าร่วมโครงการแยกคูปองออกมาส่วนหนึ่งเพื่อให้คูปองที่มีขนาดเท่ากับแบงก์พันถูกนับด้วยเครื่องนับแบงก์ของธนาคารได้ ส่วนเอกสารสำเนาต่างๆ ก็ให้จัดแยกออกเป็นคนละส่วนกัน ดังนั้นเมื่อ สตง.ให้เรากลับมาตรวจสอบเอกสารทั้งหมดเราก็ต้องมานั่งจับเอกสารเข้าคู่กันใหม่ทั้งหมดทำให้งานล่าช้ามาก เจ้าหน้าที่ที่มาตรวจเอกสารแต่ละท่านก็ล้วนมีงานประจำต้องทำทั้งนั้นก็ต้องมาช่วยกันทำ ผู้เข้าร่วมโครงการบางรายก็ทำเอกสารมาดี แต่บางรายก็ทำมาไม่เรียบร้อย หรือเอกสารบางรายก็ขาด เราก็ไม่กล้าให้เงินก็ต้องเรียกขอเอกสารกันใหม่อีก กลัวจะเกิดปัญหา เพราะ สตง.บอกว่าหากเกิดปัญหา กสทช.ต้องรับผิดชอบ ’
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หาก สตง.ยังคงเน้นการตรวจสอบที่เอกสารจนสิ้นสุดโครงการจำนวน 14.1 ล้านฉบับ กสทช.จะทำอย่างไร เลขาธิการ กสทช.กล่าวว่า กสทช.ต้องเร่งหาทางออกในเรื่องนี้ โดยในครั้งต่อไปต้องแจ้งให้ผู้เข้าร่วมโครงการเก็บเอกสารทุกอย่างเป็นชุดเดียวกันไม่ต้องแยกอย่างละชุดเพื่อย่นระยะเวลาไปได้ส่วนหนึ่ง แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น กสทช.จะยังคงพยายามทำหนังสือถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการใช้บัตรประชาชนแทนคูปองดิจิตอลสำหรับการแจกคูปองดิจิตอลครั้งต่อไปเพื่อสอดรับนโยบาย Digital Economy
Company Related Link :
nbtc
CyberBiz Social