ไฟบนกระถางคบเพลิงขนาดยักษ์ที่เพิ่งมอดดับไป อันเหลือแต่เพียงรอยควันจางๆ แสดงถึงการปิดฉากอย่างเป็นทางการของมหกรรมกีฬาครั้งยิ่งใหญ่แห่งทวีปเอเชีย ที่รวบรวมอณูแห่งความหลากหลาย ทั้งผู้คน ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และภาษาจาก 45 ประเทศทั่วทวีป นำมาเปล่งประกาย ณ ที่นี่ เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 17 “อินชอนเกมส์ 2014” ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ที่ผ่านมา
โดยทัพนักกีฬาทีมชาติไทยคว้าอันดับ 6 ด้วยผลงานรวมทั้งหมด 47 เหรียญ ได้แก่ 12 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน และ 28 เหรียญทองแดง ซึ่งการรายงานข่าวกีฬาในเอเชียนเกมส์ครั้งนี้เต็มไปด้วยความดุเด็ดเผ็ดมันด้วยเรื่องราวดรามาเข้มข้นที่เกิดขึ้นภายใต้สนามกีฬาอันยิ่งใหญ่ แต่ก็ยังมีเรื่องราวบางเรื่องราวในใจของฮีโร่นักกีฬาไทยที่ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยผ่านสื่อใดๆ
นักข่าวพลเมือง 4 คนในนาม “ซัมซุง โซเชียล แคสเตอร์ (Samsung Social Casters)” ได้แก่ แนน เดอะวอยซ์ - ลลิตา จึงวัฒนกิจ มะโม - วรมา อำไพรัตน์ ต๊อด เสลดทอย - อารักษ์ อ่อนวิลัย และ หนูเนย - สิทธิพล พรรณวิไล ซึ่งเป็นคนดังในโลกออนไลน์ที่โดดเด่นด้วยสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนในการสร้างสรรค์เนื้อหาแบบแปลกใหม่ที่ไม่มีใครเหมือนเพื่อนำเสนอข่าวความเคลื่อนไหวตลอดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ณ เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นมุมที่ไม่มีโอกาสได้เห็น
รวมทั้งคอยเกาะติดนักกีฬาทีมชาติไทยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะนักกีฬาทีมซัมซุง โดยกิจกรรมนี้เกิดขึ้นเพื่อเชิญชวนคนรุ่นใหม่ให้หันมาสนใจ และร่วมติดตามส่งแรงใจเชียร์นักกีฬาทีมซัมซุงและนักกีฬาทีมชาติไทย โดยพวกเขาทั้ง 4 เหล่านี้ จะมาเปิดเผยเรื่องราวที่ไม่มีใครรู้จากการที่มีโอกาสได้สัมผัสตัวตน และความในใจเบื้องลึกของนักกีฬาตัวแทนทีมชาติไทยในนาม ทีมซัมซุงกลุ่มคนที่ไม่เคยชมกีฬากับการประสบการณ์ครั้งแรก และครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะตราตรึงใจตลอดไป
แนน เดอะวอยซ์ - ลลิตา จึงวัฒนกิจ นักร้องสาวเสียงคุณภาพจากรายการเดอะ วอยซ์ ไทยแลนด์ เล่าว่า การที่ได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในซัมซุง โซเชียล แคสเตอร์ นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ผ่านมา 26 ปี ไม่เคยคิดว่าจะได้เกาะขอบสนามดูกีฬาระดับทวีปที่ใครหลายคนอยากดู ปกติเป็นคนไม่เคยดูกีฬา แต่คราวนี้แนนได้รับบัตร VIP จากซัมซุง ในการเข้าชมการแข่งขันกีฬาในทุกประเภท ก็อยากลองดู เลยพุ่งตรงไปยังสนามแข่งวอลเลย์บอล ตอนนั้นทีมไทยแข่งกับจีน สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ สปิริตของนักกีฬาที่ทรงพลังมาก แม้กระทั่งกองเชียร์ บางคนเป็นคนไทยที่ทำงานอยู่ที่เกาหลี พวกเขารวมตัวกันเช่ารถ และมาเชียร์ทีมวอลเลย์ไทย รู้สึกประทับใจมากกับการดูกีฬาครั้งแรก จริงๆ แล้วกีฬามันก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างที่เราเคยคิด
มะโม - วรมา อำไพรัตน์ แฟชันบล็อกเกอร์ 1 ใน 10 บิวตี้บล็อกเกอร์ชาวไทยยอดนิยมปี 2556 (จัดอันดับโดยนิตยสาร Digital Lifestyle) เล่าถึงประสบการณ์การมาเกาหลีครั้งแรกว่า ได้ประสบการณ์ชีวิตอย่างเต็มเปี่ยมมาก เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่โมมาเกาหลี ถึงแม้โมอาจจะมาได้ด้วยตัวเอง แต่คิดว่าก็ไม่มีทางได้สัมผัสอะไรแบบนี้ ชีวิตเราคงไม่ได้มาสัมผัสบรรยากาศความยิ่งใหญ่ของเอเชียนเกมส์แบบนี้ได้ง่ายๆ จากโมที่ไม่เคยดูกีฬา แต่พอได้มาเกาะขอบสนามจริงๆ แล้วรู้สึกอินมาก เลือดคนไทยเข้มข้นมาก ณ ตอนนั้น
ความรู้สึกเบื้องลึกในหัวใจของนักกีฬาตัวแทนทีมชาติไทยที่ไม่มีใครรู้
หนูเนย - สิทธิพล พรรณวิไล นักพัฒนาซอฟต์แวร์ และไอทีบล็อกเกอร์ เอ่ยปากเล่าหลังจากที่ได้ไปคุยกับ ฉัตรชัย บุตรดี หลังจากพลาดท่าให้แก่นักชกคู่แข่ง ถึงฉัตรชัยจะตกรอบ แต่ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เข้มแข็งมากนะ มันเป็นเรื่องยากที่ต้องแบกความหวังของโค้ช ของครอบครัว และของคนในชาติไว้ที่บ่า แต่ตอนเขาพ่ายแพ้ เขาใช้เวลาในการเสียใจไม่นาน แล้วกลับมายิ้มได้เหมือนเดิม ซึ่งผมว่าเขาต้องการกำลังใจ ผมไม่รู้สึกเสียใจเลยที่เห็นว่ามีนักกีฬาทีมชาติไทยคนไหนแพ้ไป เมื่อได้มองเห็นในสิ่งที่เขาได้เสียสละมาโดยตลอด ทั้งการฝึกซ้อมอย่างหนัก หรือการสละเวลากับครอบครัว อย่างไรก็ตาม ผมอยากให้ทัพนักกีฬาไทยรู้เอาไว้ว่า ขอให้ยืนหยัดที่จะสู่ต่อไป คนไทยส่วนใหญ่ภูมิใจในตัวคุณทุกคน
ด้านมะโม ที่ไปรอชมการแข่งขันกรีฑาของ วาสนา วินาโท เล่าว่า รอบแข่งขันที่โมไปรอ เป็นรอบที่พี่วาสนาไม่ได้มาแข่งเพราะอาการบาดเจ็บ ซึ่งโมรู้อยู่แล้วว่าก่อนหน้านี้พี่วาสนาได้ผ่าตัดมาหลายครั้งจากการเล่นกีฬา โมเลยได้เข้าไปคุยกับพี่เขา พี่วาสนาบอกว่า โชคดีที่คนรอบตัวเข้าใจเรา ว่าร่างกายพี่ก็ไม่เต็มร้อย พี่ก็รู้สึกดีขึ้นนะ แต่ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร แค่คิดว่าไม่เป็นไร คราวหน้าเอาใหม่นะ โมรู้สึกทึ่งต่อการเสียสละของพี่วาสนามาก ได้แต่เป็นกำลังใจให้พี่เขา และจะคอยเป็นกระบอกเสียงเพื่อชวนคนไทยมาร่วมให้กำลังใจพี่เขาเยอะๆ
อณูแห่งความหลากหลาย เปล่งประกาย ณ ที่นี่ ในฐานะ “ชาวเอเชีย”
หนูเนย เล่าถึงเรื่องราวอันน่าประทับใจต่อการได้พบปะกับคนหลายเชื้อชาติ ขึ้นชื่อว่าเป็นชาวเอเชียแล้วความเป็นมิตร และความคิดของพวกเขาก็เหมือนกับคนไทยเราเลย พวกเราซัมซุง โซเชียล แคสเตอร์ ทั้ง 4 คนได้ไปทานข้าวร่วมกับซัมซุง โซเชียล แคสเตอร์ ของมาเลเซีย และจีน พวกเขาน่ารัก เป็นกันเองมากๆ จนทำให้ผมรู้สึกว่า พวกเขาไม่ได้เป็นคนละชาติ คนละวัฒนธรรม เอเชียนเกมส์เป็นเหมือนสนามเชื่อมโยงจิตใจเพื่อสร้างความสมานสามัคคีของคนที่มาจากหลากหลายประเทศเพื่อรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ต๊อด เสลดทอย - อารักษ์ อ่อนวิลัย นักวาดภาพและนักเขียนหนังสือที่มีสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์โดนใจวัยรุ่น พูดถึงการแสดงพิธีปิดเอเชียนเกมส์ว่า มันตื่นตาตื่นใจมากครับ ผมเห็นการแสดงด้านวัฒนธรรมของคนเกาหลีแล้วรู้สึกว่า แต่ละชาติก็มีความสวยงามในแบบของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร เราทั้งชาติไทยของเรา ณ ขณะที่ชมอยู่นั้นทำให้ผมคิดถึงบ้านเราขึ้นมาทันที
ภารกิจที่ฉีกทุกกฎการรายงานข่าวในรูปแบบเดิม
ภารกิจที่ซัมซุง โซเชียล แคสเตอร์ ทั้ง 4 คน ได้รับมอบหมายให้ไปทำแต่ละวัน สาวมะโม จะถนัดไปทางการรีวิวแฟชันเมืองกิมจิ สำหรับภารกิจที่ได้รับสนุกมาก โม มีหน้าที่รายงานไลฟ์สไตล์ต่างๆ ของคนเกาหลี เกาหลีเป็นประเทศที่ชอปสนุก ทุกคนแต่งตัวเก่ง ทำให้โมไม่ละสายตาจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเลย แต่ก็ไปสะดุดตาเอาที่สาวไทยคนหนึ่ง ตอนนั้นกำลังนั่งเชียร์กีฬา พี่เขาแต่งตัวน่ารักมาก เป็นเสื้อลายธงชาติไทย โมเลยไปขอถ่ายรูปแล้วกลับมาวาดภาพ แชร์ลงเฟซบุ๊ก กระแสตอบรับดีทีเดียว
ทางด้านสาวแนน ที่ภารกิจโหดกว่าใครเพื่อน คือ การตามล่าหาหนุ่มหล่อในเอเชียนเกมส์ ตลอดเวลาการเชียร์กีฬา ภารกิจของแนนซึ่งยากมาก คือ แนนต้องคอยสอดส่ายสายตาหาหนุ่มหล่อในเอเชียนเกมส์ แนนเจอชาวต่างชาติหน้าตาดีอยู่ 2 คน แนนเลยต้องรวบรวมความกล้าเข้าไปขอนั่งตรงกลางระหว่างเขา แล้วถ่ายรูปเซลฟี ในระหว่างที่กำลังถ่ายอยู่ กล้องถ่ายทอดสดดันมาจับที่แนนพอดี แฟนคลับที่อยู่ที่ไทยเห็นเลยถ่ายรูปหน้าจอทีวีมาให้แนนดู แล้วถามว่าแนนไปทำงานจริงหรือเปล่า
ในขณะที่ต๊อด เล่าถึงภารกิจสุดเกรียนที่ได้รับ ผมลิสต์คำถามจากคนในเฟซบุ๊ก โดยเป็นคำถามเกรียนๆ ที่เอาไว้ถามพี่นุศรา ต้อมคำ อย่างคำถาม ให้พี่นุศรา ตั้งชื่อท่าตบแบบกังหันไฟซาร่า หรือถามว่า ผมหล่อไหม ผมประทับใจพี่เขามาก พี่เขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปที่เข้าถึงง่าย น่ารักดีครับ
หนูเนย ถูกรับหน้าใช้ให้อุปกรณ์ของซัมซุงในการถ่ายภาพ พี่ปุ้ย พรชัย เค้าแก้ว ในขณะที่กำลังฟาดลูกตะกร้อกลางอากาศ ผมเก็บภาพได้ไม่พลาดเลยครับ สิ่งที่ผมประทับใจอย่างหนึ่งก็คือ ในช่วงเวลาที่ทีมตะกร้อไทยของเราเพลี่ยงพล้ำ พี่ปุ้ย พรชัย จะเป็นคนที่ยิ้ม และคอยให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีมตลอด เขารักษาสติได้เป็นอย่างดี จนสามารถเอาชนะได้เหรียญแห่งความภาคภูมิใจมาฝากคนไทยได้ในที่สุด
สิ่งที่ได้จากการเป็นซัมซุง โซเชียล แคสเตอร์
ต๊อด และมะโม ในฐานะคนทำงานศิลปะเหมือนกันพร้อมใจกันตอบในทำนองเดียวกันว่า จุดประสงค์ที่แท้จริงของซัมซุง โซเชียล แคสเตอร์ คือ การเป็นคนที่จะช่วยโน้มน้าวให้คนรุ่นใหม่มาสนใจชม และเชียร์กีฬามากขึ้น รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ซัมซุงเลือกเราทั้ง 2 คน อย่างน้อยเราก็เป็นอีกหนึ่งจุดเล็กๆ ที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่มาสนับสนุนการกีฬาไทยมากขึ้น พอเราได้มาชมกีฬาระดับทวีปนี้จริงๆ แล้วรู้สึกได้ว่า การวาดรูปกับการเชียร์กีฬามีจุดเหมือนกันตรงที่ สิ่งที่ออกมามันออกมาจากใจเราจริงๆ ทุกลายเส้นมันเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกของเรา ณ ขณะนั้นโดยตรง ซึ่งก็เหมือนกับการเปล่งเสียงเชียร์เวลานักกีฬาชาติไทยกำลังทำแต้ม เสียงมันออกมาจากใจโดยตรง นับว่าเป็นความรู้สึกที่ใจพองไปด้วยความสุข
หนูเนย และแนน เสริมในแง่มุมอื่นอีกว่า ไลฟ์สไตล์ของพวกเราที่ทำเฉพาะสิ่งที่เราสนใจเท่านั้น บางทีมันก็ควรถูกเติมเต็มในแง่มุมอื่น ให้สมองได้รับความรู้ใหม่ๆ โลกทัศน์ใหม่ๆ ที่กว้างมากขึ้น อย่างการมาเชียร์กีฬาในครั้งนี้ ทำให้เราได้สัมผัสถึงคำว่า ‘ชาติไทย’ มากขึ้นจริงๆ ก่อนหน้านี้ การทำอะไรบางสิ่งบางอย่าง เราก็จะทำเพื่อตัวเอง หลังจากกลับมาจากเอเชียนเกมส์ ทำให้รู้สึกเริ่มอยากทำอะไรเพื่อชาติบ้าง อย่างที่นักกีฬาทีมซัมซุง และนักกีฬาทีมชาติคนอื่นๆ ได้ทำ
แรงบันดาลใจสุดท้ายที่อยากฝากไว้ในคนรุ่นใหม่ได้คิด
ต๊อด เล่าต่อว่า นอกจากพลังกาย และใจที่สู้ของตัวนักกีฬาเองแล้ว ก็มีแรงเชียร์จากคนร่วมชาติที่เป็นพลังสำคัญมากๆ ตอนแข่งขันในสนามผมรู้สึกว่าคำว่า “รวมกันเป็นหนึ่ง” มันมีอยู่จริงนะ ยิ่งเราไปเชียร์ที่ต่างประเทศ การอยู่รวมกันกับคนไทยเพื่อเชียร์นักกีฬาไทยทำให้เราสัมผัสได้ถึงความว่า “All For One” อย่างแท้จริง อยากให้คนไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่หันมาสนใจการกีฬาของไทย ร่วมกันเชียร์เพื่อผลักดันฮีโร่ไทยให้ไปไกลกว่าเดิม
ในขณะที่ แนน พูดเรื่องความฝันขึ้นมาว่า คนรอบตัวแนนหลายคนมากที่อยากเป็นนักกีฬา แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องเดินเข้าสู่สายอาชีพที่ไม่ใช่ความฝันของตัวเอง อยากจะบอกว่า ให้คุณออกมาทำในสิ่งที่คุณรักเถอะ ออกมาตามความฝัน โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ยังมีแรงเดินตามความฝัน ออกมาเติมเต็มนักกีฬาทีมชาติของไทยให้แข็งแกร่ง
เมื่อจบภารกิจ ซัมซุง โซเชียล แคสเตอร์ ทั้ง 4 คนกล่าวในทำนองเดียวกันที่ว่า รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับโอกาสนี้เพื่อได้ไปใกล้ชิดกับมหกรรมกีฬาครั้งยิ่งใหญ่ระดับทวีปครั้งหนึ่งในชีวิต และได้รู้จักกับนักกีฬาตัวแทนทีมชาติไทยในนามทีมซัมซุง ที่ทำให้พวกเขาได้เปิดโลกทัศน์ มองเห็นแง่มุมใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในด้านของการแข่งขันกีฬา ซัมซุงในฐานะผู้สนับสนุนการกีฬาระดับโลกมาโดยตลอด ก็ขอเป็นอีกองค์กรหนึ่งที่จะผลักดันนักกีฬาไทยสู่ก้าวต่อไปที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม รวมทั้งเชิญชวนคนไทยให้มาร่วมเป็นกำลังใจอันเป็นพลังสำคัญที่คอยขับเคลื่อนทัพนักกีฬาไทยให้บรรลุเป้าหมาย ในฐานะที่เป็นทีมเดียวกัน ภูมิใจไปด้วยกัน
โดยทัพนักกีฬาทีมชาติไทยคว้าอันดับ 6 ด้วยผลงานรวมทั้งหมด 47 เหรียญ ได้แก่ 12 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน และ 28 เหรียญทองแดง ซึ่งการรายงานข่าวกีฬาในเอเชียนเกมส์ครั้งนี้เต็มไปด้วยความดุเด็ดเผ็ดมันด้วยเรื่องราวดรามาเข้มข้นที่เกิดขึ้นภายใต้สนามกีฬาอันยิ่งใหญ่ แต่ก็ยังมีเรื่องราวบางเรื่องราวในใจของฮีโร่นักกีฬาไทยที่ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยผ่านสื่อใดๆ
นักข่าวพลเมือง 4 คนในนาม “ซัมซุง โซเชียล แคสเตอร์ (Samsung Social Casters)” ได้แก่ แนน เดอะวอยซ์ - ลลิตา จึงวัฒนกิจ มะโม - วรมา อำไพรัตน์ ต๊อด เสลดทอย - อารักษ์ อ่อนวิลัย และ หนูเนย - สิทธิพล พรรณวิไล ซึ่งเป็นคนดังในโลกออนไลน์ที่โดดเด่นด้วยสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนในการสร้างสรรค์เนื้อหาแบบแปลกใหม่ที่ไม่มีใครเหมือนเพื่อนำเสนอข่าวความเคลื่อนไหวตลอดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ณ เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นมุมที่ไม่มีโอกาสได้เห็น
รวมทั้งคอยเกาะติดนักกีฬาทีมชาติไทยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะนักกีฬาทีมซัมซุง โดยกิจกรรมนี้เกิดขึ้นเพื่อเชิญชวนคนรุ่นใหม่ให้หันมาสนใจ และร่วมติดตามส่งแรงใจเชียร์นักกีฬาทีมซัมซุงและนักกีฬาทีมชาติไทย โดยพวกเขาทั้ง 4 เหล่านี้ จะมาเปิดเผยเรื่องราวที่ไม่มีใครรู้จากการที่มีโอกาสได้สัมผัสตัวตน และความในใจเบื้องลึกของนักกีฬาตัวแทนทีมชาติไทยในนาม ทีมซัมซุงกลุ่มคนที่ไม่เคยชมกีฬากับการประสบการณ์ครั้งแรก และครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะตราตรึงใจตลอดไป
แนน เดอะวอยซ์ - ลลิตา จึงวัฒนกิจ นักร้องสาวเสียงคุณภาพจากรายการเดอะ วอยซ์ ไทยแลนด์ เล่าว่า การที่ได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในซัมซุง โซเชียล แคสเตอร์ นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ผ่านมา 26 ปี ไม่เคยคิดว่าจะได้เกาะขอบสนามดูกีฬาระดับทวีปที่ใครหลายคนอยากดู ปกติเป็นคนไม่เคยดูกีฬา แต่คราวนี้แนนได้รับบัตร VIP จากซัมซุง ในการเข้าชมการแข่งขันกีฬาในทุกประเภท ก็อยากลองดู เลยพุ่งตรงไปยังสนามแข่งวอลเลย์บอล ตอนนั้นทีมไทยแข่งกับจีน สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ สปิริตของนักกีฬาที่ทรงพลังมาก แม้กระทั่งกองเชียร์ บางคนเป็นคนไทยที่ทำงานอยู่ที่เกาหลี พวกเขารวมตัวกันเช่ารถ และมาเชียร์ทีมวอลเลย์ไทย รู้สึกประทับใจมากกับการดูกีฬาครั้งแรก จริงๆ แล้วกีฬามันก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างที่เราเคยคิด
มะโม - วรมา อำไพรัตน์ แฟชันบล็อกเกอร์ 1 ใน 10 บิวตี้บล็อกเกอร์ชาวไทยยอดนิยมปี 2556 (จัดอันดับโดยนิตยสาร Digital Lifestyle) เล่าถึงประสบการณ์การมาเกาหลีครั้งแรกว่า ได้ประสบการณ์ชีวิตอย่างเต็มเปี่ยมมาก เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่โมมาเกาหลี ถึงแม้โมอาจจะมาได้ด้วยตัวเอง แต่คิดว่าก็ไม่มีทางได้สัมผัสอะไรแบบนี้ ชีวิตเราคงไม่ได้มาสัมผัสบรรยากาศความยิ่งใหญ่ของเอเชียนเกมส์แบบนี้ได้ง่ายๆ จากโมที่ไม่เคยดูกีฬา แต่พอได้มาเกาะขอบสนามจริงๆ แล้วรู้สึกอินมาก เลือดคนไทยเข้มข้นมาก ณ ตอนนั้น
ความรู้สึกเบื้องลึกในหัวใจของนักกีฬาตัวแทนทีมชาติไทยที่ไม่มีใครรู้
หนูเนย - สิทธิพล พรรณวิไล นักพัฒนาซอฟต์แวร์ และไอทีบล็อกเกอร์ เอ่ยปากเล่าหลังจากที่ได้ไปคุยกับ ฉัตรชัย บุตรดี หลังจากพลาดท่าให้แก่นักชกคู่แข่ง ถึงฉัตรชัยจะตกรอบ แต่ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เข้มแข็งมากนะ มันเป็นเรื่องยากที่ต้องแบกความหวังของโค้ช ของครอบครัว และของคนในชาติไว้ที่บ่า แต่ตอนเขาพ่ายแพ้ เขาใช้เวลาในการเสียใจไม่นาน แล้วกลับมายิ้มได้เหมือนเดิม ซึ่งผมว่าเขาต้องการกำลังใจ ผมไม่รู้สึกเสียใจเลยที่เห็นว่ามีนักกีฬาทีมชาติไทยคนไหนแพ้ไป เมื่อได้มองเห็นในสิ่งที่เขาได้เสียสละมาโดยตลอด ทั้งการฝึกซ้อมอย่างหนัก หรือการสละเวลากับครอบครัว อย่างไรก็ตาม ผมอยากให้ทัพนักกีฬาไทยรู้เอาไว้ว่า ขอให้ยืนหยัดที่จะสู่ต่อไป คนไทยส่วนใหญ่ภูมิใจในตัวคุณทุกคน
ด้านมะโม ที่ไปรอชมการแข่งขันกรีฑาของ วาสนา วินาโท เล่าว่า รอบแข่งขันที่โมไปรอ เป็นรอบที่พี่วาสนาไม่ได้มาแข่งเพราะอาการบาดเจ็บ ซึ่งโมรู้อยู่แล้วว่าก่อนหน้านี้พี่วาสนาได้ผ่าตัดมาหลายครั้งจากการเล่นกีฬา โมเลยได้เข้าไปคุยกับพี่เขา พี่วาสนาบอกว่า โชคดีที่คนรอบตัวเข้าใจเรา ว่าร่างกายพี่ก็ไม่เต็มร้อย พี่ก็รู้สึกดีขึ้นนะ แต่ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร แค่คิดว่าไม่เป็นไร คราวหน้าเอาใหม่นะ โมรู้สึกทึ่งต่อการเสียสละของพี่วาสนามาก ได้แต่เป็นกำลังใจให้พี่เขา และจะคอยเป็นกระบอกเสียงเพื่อชวนคนไทยมาร่วมให้กำลังใจพี่เขาเยอะๆ
อณูแห่งความหลากหลาย เปล่งประกาย ณ ที่นี่ ในฐานะ “ชาวเอเชีย”
หนูเนย เล่าถึงเรื่องราวอันน่าประทับใจต่อการได้พบปะกับคนหลายเชื้อชาติ ขึ้นชื่อว่าเป็นชาวเอเชียแล้วความเป็นมิตร และความคิดของพวกเขาก็เหมือนกับคนไทยเราเลย พวกเราซัมซุง โซเชียล แคสเตอร์ ทั้ง 4 คนได้ไปทานข้าวร่วมกับซัมซุง โซเชียล แคสเตอร์ ของมาเลเซีย และจีน พวกเขาน่ารัก เป็นกันเองมากๆ จนทำให้ผมรู้สึกว่า พวกเขาไม่ได้เป็นคนละชาติ คนละวัฒนธรรม เอเชียนเกมส์เป็นเหมือนสนามเชื่อมโยงจิตใจเพื่อสร้างความสมานสามัคคีของคนที่มาจากหลากหลายประเทศเพื่อรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ต๊อด เสลดทอย - อารักษ์ อ่อนวิลัย นักวาดภาพและนักเขียนหนังสือที่มีสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์โดนใจวัยรุ่น พูดถึงการแสดงพิธีปิดเอเชียนเกมส์ว่า มันตื่นตาตื่นใจมากครับ ผมเห็นการแสดงด้านวัฒนธรรมของคนเกาหลีแล้วรู้สึกว่า แต่ละชาติก็มีความสวยงามในแบบของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร เราทั้งชาติไทยของเรา ณ ขณะที่ชมอยู่นั้นทำให้ผมคิดถึงบ้านเราขึ้นมาทันที
ภารกิจที่ฉีกทุกกฎการรายงานข่าวในรูปแบบเดิม
ภารกิจที่ซัมซุง โซเชียล แคสเตอร์ ทั้ง 4 คน ได้รับมอบหมายให้ไปทำแต่ละวัน สาวมะโม จะถนัดไปทางการรีวิวแฟชันเมืองกิมจิ สำหรับภารกิจที่ได้รับสนุกมาก โม มีหน้าที่รายงานไลฟ์สไตล์ต่างๆ ของคนเกาหลี เกาหลีเป็นประเทศที่ชอปสนุก ทุกคนแต่งตัวเก่ง ทำให้โมไม่ละสายตาจากคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเลย แต่ก็ไปสะดุดตาเอาที่สาวไทยคนหนึ่ง ตอนนั้นกำลังนั่งเชียร์กีฬา พี่เขาแต่งตัวน่ารักมาก เป็นเสื้อลายธงชาติไทย โมเลยไปขอถ่ายรูปแล้วกลับมาวาดภาพ แชร์ลงเฟซบุ๊ก กระแสตอบรับดีทีเดียว
ทางด้านสาวแนน ที่ภารกิจโหดกว่าใครเพื่อน คือ การตามล่าหาหนุ่มหล่อในเอเชียนเกมส์ ตลอดเวลาการเชียร์กีฬา ภารกิจของแนนซึ่งยากมาก คือ แนนต้องคอยสอดส่ายสายตาหาหนุ่มหล่อในเอเชียนเกมส์ แนนเจอชาวต่างชาติหน้าตาดีอยู่ 2 คน แนนเลยต้องรวบรวมความกล้าเข้าไปขอนั่งตรงกลางระหว่างเขา แล้วถ่ายรูปเซลฟี ในระหว่างที่กำลังถ่ายอยู่ กล้องถ่ายทอดสดดันมาจับที่แนนพอดี แฟนคลับที่อยู่ที่ไทยเห็นเลยถ่ายรูปหน้าจอทีวีมาให้แนนดู แล้วถามว่าแนนไปทำงานจริงหรือเปล่า
ในขณะที่ต๊อด เล่าถึงภารกิจสุดเกรียนที่ได้รับ ผมลิสต์คำถามจากคนในเฟซบุ๊ก โดยเป็นคำถามเกรียนๆ ที่เอาไว้ถามพี่นุศรา ต้อมคำ อย่างคำถาม ให้พี่นุศรา ตั้งชื่อท่าตบแบบกังหันไฟซาร่า หรือถามว่า ผมหล่อไหม ผมประทับใจพี่เขามาก พี่เขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปที่เข้าถึงง่าย น่ารักดีครับ
หนูเนย ถูกรับหน้าใช้ให้อุปกรณ์ของซัมซุงในการถ่ายภาพ พี่ปุ้ย พรชัย เค้าแก้ว ในขณะที่กำลังฟาดลูกตะกร้อกลางอากาศ ผมเก็บภาพได้ไม่พลาดเลยครับ สิ่งที่ผมประทับใจอย่างหนึ่งก็คือ ในช่วงเวลาที่ทีมตะกร้อไทยของเราเพลี่ยงพล้ำ พี่ปุ้ย พรชัย จะเป็นคนที่ยิ้ม และคอยให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีมตลอด เขารักษาสติได้เป็นอย่างดี จนสามารถเอาชนะได้เหรียญแห่งความภาคภูมิใจมาฝากคนไทยได้ในที่สุด
สิ่งที่ได้จากการเป็นซัมซุง โซเชียล แคสเตอร์
ต๊อด และมะโม ในฐานะคนทำงานศิลปะเหมือนกันพร้อมใจกันตอบในทำนองเดียวกันว่า จุดประสงค์ที่แท้จริงของซัมซุง โซเชียล แคสเตอร์ คือ การเป็นคนที่จะช่วยโน้มน้าวให้คนรุ่นใหม่มาสนใจชม และเชียร์กีฬามากขึ้น รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ซัมซุงเลือกเราทั้ง 2 คน อย่างน้อยเราก็เป็นอีกหนึ่งจุดเล็กๆ ที่ช่วยให้คนรุ่นใหม่มาสนับสนุนการกีฬาไทยมากขึ้น พอเราได้มาชมกีฬาระดับทวีปนี้จริงๆ แล้วรู้สึกได้ว่า การวาดรูปกับการเชียร์กีฬามีจุดเหมือนกันตรงที่ สิ่งที่ออกมามันออกมาจากใจเราจริงๆ ทุกลายเส้นมันเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกของเรา ณ ขณะนั้นโดยตรง ซึ่งก็เหมือนกับการเปล่งเสียงเชียร์เวลานักกีฬาชาติไทยกำลังทำแต้ม เสียงมันออกมาจากใจโดยตรง นับว่าเป็นความรู้สึกที่ใจพองไปด้วยความสุข
หนูเนย และแนน เสริมในแง่มุมอื่นอีกว่า ไลฟ์สไตล์ของพวกเราที่ทำเฉพาะสิ่งที่เราสนใจเท่านั้น บางทีมันก็ควรถูกเติมเต็มในแง่มุมอื่น ให้สมองได้รับความรู้ใหม่ๆ โลกทัศน์ใหม่ๆ ที่กว้างมากขึ้น อย่างการมาเชียร์กีฬาในครั้งนี้ ทำให้เราได้สัมผัสถึงคำว่า ‘ชาติไทย’ มากขึ้นจริงๆ ก่อนหน้านี้ การทำอะไรบางสิ่งบางอย่าง เราก็จะทำเพื่อตัวเอง หลังจากกลับมาจากเอเชียนเกมส์ ทำให้รู้สึกเริ่มอยากทำอะไรเพื่อชาติบ้าง อย่างที่นักกีฬาทีมซัมซุง และนักกีฬาทีมชาติคนอื่นๆ ได้ทำ
แรงบันดาลใจสุดท้ายที่อยากฝากไว้ในคนรุ่นใหม่ได้คิด
ต๊อด เล่าต่อว่า นอกจากพลังกาย และใจที่สู้ของตัวนักกีฬาเองแล้ว ก็มีแรงเชียร์จากคนร่วมชาติที่เป็นพลังสำคัญมากๆ ตอนแข่งขันในสนามผมรู้สึกว่าคำว่า “รวมกันเป็นหนึ่ง” มันมีอยู่จริงนะ ยิ่งเราไปเชียร์ที่ต่างประเทศ การอยู่รวมกันกับคนไทยเพื่อเชียร์นักกีฬาไทยทำให้เราสัมผัสได้ถึงความว่า “All For One” อย่างแท้จริง อยากให้คนไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่หันมาสนใจการกีฬาของไทย ร่วมกันเชียร์เพื่อผลักดันฮีโร่ไทยให้ไปไกลกว่าเดิม
ในขณะที่ แนน พูดเรื่องความฝันขึ้นมาว่า คนรอบตัวแนนหลายคนมากที่อยากเป็นนักกีฬา แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องเดินเข้าสู่สายอาชีพที่ไม่ใช่ความฝันของตัวเอง อยากจะบอกว่า ให้คุณออกมาทำในสิ่งที่คุณรักเถอะ ออกมาตามความฝัน โดยเฉพาะวัยรุ่นที่ยังมีแรงเดินตามความฝัน ออกมาเติมเต็มนักกีฬาทีมชาติของไทยให้แข็งแกร่ง
เมื่อจบภารกิจ ซัมซุง โซเชียล แคสเตอร์ ทั้ง 4 คนกล่าวในทำนองเดียวกันที่ว่า รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับโอกาสนี้เพื่อได้ไปใกล้ชิดกับมหกรรมกีฬาครั้งยิ่งใหญ่ระดับทวีปครั้งหนึ่งในชีวิต และได้รู้จักกับนักกีฬาตัวแทนทีมชาติไทยในนามทีมซัมซุง ที่ทำให้พวกเขาได้เปิดโลกทัศน์ มองเห็นแง่มุมใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในด้านของการแข่งขันกีฬา ซัมซุงในฐานะผู้สนับสนุนการกีฬาระดับโลกมาโดยตลอด ก็ขอเป็นอีกองค์กรหนึ่งที่จะผลักดันนักกีฬาไทยสู่ก้าวต่อไปที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม รวมทั้งเชิญชวนคนไทยให้มาร่วมเป็นกำลังใจอันเป็นพลังสำคัญที่คอยขับเคลื่อนทัพนักกีฬาไทยให้บรรลุเป้าหมาย ในฐานะที่เป็นทีมเดียวกัน ภูมิใจไปด้วยกัน