xs
xsm
sm
md
lg

เอคเซนเซอร์แนะ 6 เทรนด์ช่วยธุรกิจอยู่รอดในโลกดิจิตอล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอคเซนเชอร์เผยผลสำรวจวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยี 2557 ชี้ 6 เทรนด์หลักสำคัญที่จะช่วยสร้างประโยชน์ให้ธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้ แนะธุรกิจจะนำไปใช้งานได้จริง เสริมประสิทธิภาพ แม้จะเป็นเทคโนโลยีที่คุ้นเคยกันอยู่ แต่หากไม่มีการปรับใช้งานจะส่งผลกระทบทั้งในเชิงยุทธศาสตร์และการดำเนินงานขององค์กร เพราะขณะนี้ชีวิตทุกคนเข้าสู่โลกดิจิตอลกันหมดแล้ว

นายนนทวัฒน์ พุ่มชูศรี กรรมการผู้จัดการ เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า ดิจิตอลยังเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกธุรกิจจะไม่สามารถมองข้ามไปได้ เพราะจะก่อให้เกิดผลต่อธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม เนื่องจากทุกคนในขณะนี้อยู่ในโลกดิจิตอลกันอย่างเต็มตัวแล้ว ซึ่งแม้ว่าเทรนด์เทคโนโลยีหลักๆ จะเป็นสิ่งที่สามารถพบเห็นตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ในวันนี้ได้มีบทบาทเพิ่มมากขึ้น และยังส่งผลกระทบที่มีในเชิงยุทธศาสตร์และการดำเนินงานขององค์กรต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย ดังนั้นทุกธุรกิจจึงต้องมองให้เข้าใจว่าโลกดิจิตอลจะก่อให้เกิดผลอย่างไรบ้าง เพื่อให้ธุรกิจสามารถสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง

จากการสำรวจ “วิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยี 2557” (The Accenture Technology Vision 2014) ในปีนี้ เอคเซนเซอร์มองว่ามี 6 เทรนด์สำคัญที่จะส่งผลกระทบ ประกอบด้วย 1. โลกจริงและโลกดิจิตอลจะไร้เส้นแบ่ง 2. เข้าสู่ยุคองค์กรไร้พรมแดน 3. สร้างซัปพลายเชนสำหรับข้อมูล 4. ปรับขยายระบบการทำงานให้มีขนาดใหญ่และมีศักยภาพเพิ่มขึ้น 5. ยุคของแอปพลิเคชัน และ 6. ความยืดหยุ่นของสถาปัตยกรรม ซึ่งการสำรวจในครั้งนี้เป็นการเลือกธีมของเทคโนโลยีที่เป็นแนวโน้มว่าธุรกิจจะนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้งาน และเทคโนโลยีเหล่านี้มีการใช้งานจริงและมีผลกระทบต่อธุรกิจจริง เพื่อนำไปใช้ในการเสริมธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพ

“การเข้าสู่โลกดิจิตอลในครั้งนี้ทำให้บริษัทขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมด้านทรัพยากรและขนาดจะหันกลับมามีบทบาทผู้นำในตลาดอีกครั้ง หลังจากได้นำเทคโนโลยีดิจิตอลไปใช้ในการขับเคลื่อนกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งการปรับวิธีการทำตลาด การทำงานร่วมกับพันธมิตร สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า และการจัดการธุรกรรมต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้รายงานนี้ยังพบว่ากิจการชั้นนำต่างนำกลยุทธ์ด้านดิจิตอล เช่น ระบบโมบิลิตี ระบบวิเคราะห์ข้อมูล (analytics) และระบบคลาวด์ มาใช้ในการพัฒนาระบบการทำงาน นำข้อมูลแบบเรียลไทม์มาใช้ประโยชน์ ขยายขีดความสามารถของบุคลากร รวมทั้งปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการและใช้ข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ”

นายนนทวัฒน์กล่าวว่า เทรนด์แรกคือ เส้นแบ่งระหว่างโลกดิจิตอลกับโลกจริงหายไป (Digital-Physical Blur) และจะกลายเป็นโลกของออนไลน์มากขึ้น เพราะไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์พกพา ระบบอัจฉริยะ และเครื่องมือต่างๆ จะช่วยทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงข้อมูลเรียลไทม์ ซึ่งจะเข้ามาเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิต การดำเนินธุรกิจขององค์กร ซึ่งการเชื่อมโยงในส่วนต่างๆ เหล่านี้ช่วยเพิ่มศักยภาพของบุคลากร ทำให้ระบบทำงานอย่างอัตโนมัติ และทำให้เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น

ผลการสำรวจของเอคเซนเซอร์พบว่าปัจจุบันอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนหนึ่งของทุกสิ่ง และเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของทุกคนในหลายทาง โดยผู้บริโภค 52% มีแผนที่จะซื้ออุปกรณ์วัดประสิทธิภาพการเล่นฟิตเนสของตนเอง 54% จะซื้ออุปกรณ์ตรวจสุขภาพ และ 59% จะซื้ออุปกรณ์เพื่อป้องกันความปลอดภัยในบ้าน ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้นอกจากผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์แล้ว ธุรกิจที่เกี่ยวข้องยังสามารถนำข้อมูลแบบเรียลไทม์เหล่านี้ ไปตอบสนองกลับมายังผู้บริโภคได้อีกด้วย

เทรนด์ที่ 2 การเข้าสู่ยุคองค์กรไร้พรมแดน (From Workforce to Crowdsource) ที่นอกเหนือไปจากการใช้งานบุคลากรภายในแล้ว ยังสามารถทำงานร่วมกับบุคคลภายนอกที่ใช้อินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึงทรัพยากรบุคคลที่มากมายจากทั่วโลกที่จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ยังสามารถใช้ช่องทางนี้ในการตอบสนองเป้าหมายของการใช้งานทางธุรกิจได้อีกด้วย ซึ่งการเข้าถึงเครือข่ายของคนทำงานที่มีขนาดใหญ่และคล่องตัว ซึ่งไม่เพียงสามารถแก้ปัญหาทางธุรกิจที่ยากๆ บางเรื่อง แต่หลายครั้งกลุ่มคนทำงานเหล่านั้นก็พร้อมร่วมช่วยเหลือกันโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

เทรนด์ที่ 3 การสร้างซัปพลายเชนสำหรับข้อมูล (Data supply chain) เป็นการปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการข้อมูล เพื่อให้สามารถกระจายข้อมูลได้อย่างกว้างขวางและทั่วถึงยิ่งขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีข้อมูลมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่ยังนำมาใช้ประโยชน์ได้ไม่มากนัก ซึ่งจากผลสำรวจที่ผ่านมาพบว่ามีองค์กร 1 ใน 5 เท่านั้นที่มีการบูรณาการข้อมูลเข้าไว้ด้วยกันทั่วทั้งองค์กร ดังนั้นองค์กรต่างๆ จึงควรจะหันมาดูแลข้อมูลให้เหมือนกับเป็นระบบห่วงโซ่หรือซัปพลายเชน โดยให้มีการกระจายข้อมูลทั่วทั้งองค์กรและในระบบที่เกี่ยวข้องส่วนอื่นด้วย

เทรนด์ที่ 4 การปรับขยายระบบการทำงานให้มีขนาดใหญ่และมีศักยภาพเพิ่มขึ้น (Harnessing hyperscale) ในเทรนด์นี้ฮาร์ดแวร์จะกลับมามีบทบาทอีกครั้ง ด้วยการเป็นแหล่งรวมนวัตกรรม ยิ่งการปรับเปลี่ยนธุรกิจให้เป็นระบบดิจิตอลมากเท่าใด ธุรกิจจะยิ่งเห็นความสำคัญของฮาร์ดแวร์ในฐานะปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตขั้นต่อไปในอนาคต เนื่องจากโลกยุคดิจิตอลนี้จะมีความต้องการใช้ดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีขนาดใหญ่และทำงานได้เร็วขึ้นกว่าเดิม การปรับตัวให้ทันจะช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้ธุรกิจสามารถปรับขยายระบบให้ใหญ่โต เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าที่เคยมีมา

เทรนด์ที่ 5 ยุคของแอปพลิเคชัน (Business of Applications) โลกดิจิตอลนี้องค์กรต่างๆ จะนำแอปพลิเคชันมาใช้เพื่อให้การดำเนินงานคล่องตัวขึ้น โดยงานวิจัยของเอคเซนเซอร์ชี้ว่า 54% ของทีมไอทีที่มีผลงานโดดเด่นจะนำแอปพลิเคชันองค์กรมาใช้ เพื่อช่วยให้พนักงานเปลี่ยนมาใช้แอปพลิเคชันโมดูลที่ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เพื่อการเสริมความสะดวกสบายและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ ซึ่งองค์กรต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการพัฒนาแอปพลิเคชันด้วยตัวเอง เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว สนับสนุนการทำงานของซอฟต์แวร์ และเร่งสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจในที่สุด

เทรนด์ที่ 6 ความยืดหยุ่นของสถาปัตยกรรม (Architecting Resilience) ในโลกยุคดิจิตอลนี้ ธุรกิจต่างๆ ต้องสามารถตอบสนองความต้องการที่ไม่หยุดนิ่ง ทั้งในด้านกระบวนการทำงาน บริการ และระบบต่างๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อทั้งองค์กร โดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอที ที่ต้องมีโครงสร้างที่ทำให้ระบบทำงานได้ตลอดเวลา ไม่เพียงในแง่ของการทำให้ธุรกิจดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องตามปกติเท่านั้น แต่ต้องสามารถรองรับความล้มเหลวของระบบได้ด้วย ต้องออกแบบให้รองรับได้มากกว่าสิ่งที่กำลังต้องการอยู่ในขณะนี้

Company Related Link :
Accenture

CyberBiz Social



Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket
กำลังโหลดความคิดเห็น